โครงการชุมชน-คนโคกม่วงป้องกันโรคเรื้อรัง ปีงบประมาณ 2564
ชื่อโครงการ | โครงการชุมชน-คนโคกม่วงป้องกันโรคเรื้อรัง ปีงบประมาณ 2564 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกม่วง |
วันที่อนุมัติ | 15 มกราคม 2564 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กุมภาพันธ์ 2564 - 30 กันยายน 2564 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2564 |
งบประมาณ | 65,600.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายอนุชา ตันปิติกร |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.875,100.406place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 65,600.00 | |||||
รวมงบประมาณ | 65,600.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 90 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญมากเป็นลำดับต้นๆ คือ ปัญหาโรคไม่ติดต่อ และโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งนับวันจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation : IDF) ได้ประมาณการว่ามีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 382 ล้านคนทั่วโลก และในปี 2578 จะมีผู้ที่ป่วยถึง 592 ล้านคนหรือ ใน 10 คนจะพบผู้ป่วยเบาหวาน 1 คน และในปัจจุบันพบว่าประชากรมากกว่า 316 ล้านคนมีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาไปเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกได้ประมาณไว้ว่าจำนวนผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั่วโลก จาก 194 ประเทศ มีจำนวนถึง 970 ล้านคน โดย 330 ล้านคนอยู่ในประเทศพัฒนา และ 640 ล้านคนอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา และในปี 2568 คาดว่าจะมีผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นเป็น 1.56 พันล้านคน นอกจากนี้ ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจขาดเลือดเกิดจากความดันโลหิตสูง
สำหรับในประเทศไทยมียอดผู้ป่วยเบาหวานสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 จำนวน 1,799,977 ราย ความชุก 2,800.80 ต่อประชากรแสนคน และระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 - 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555 มีผู้ป่วยเบาหวาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 336,265 ราย อุบัติการณ์ 523.24 ต่อประชากรแสนคนโดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง ปี พ.ศ. 2551 – 2555 สำหรับโรคความดันโลหิตสูงนั้นพบว่า ในปี 2555 มีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุความดันโลหิตสูง จำนวน 3,684 ราย สถานการณ์ป่วยและเข้ารับการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขด้วยโรคความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกภาค เมื่อเปรียบเทียบจากปี 2544 และปี 2555 พบว่าอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน จะมีผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มจาก 156,442 ราย เป็น 1,009,385 ราย ซึ่งถือว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า นอกจากนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 โรคนี้ เมื่อป่วยไประยะหนึ่งแล้วมักจะเกิดโรคแทรกซ้อนทาง ตา ไต หัวใจ ระบบประสาท แผลเรื้อรัง ในผู้ป่วยเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง ไต หัวใจ ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอีกด้วย
จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกม่วงพบว่า ในปีงบประมาณ 2563 คัดกรองโรคเบาหวานได้ร้อยละ 91.00 พบเป็นกลุ่มเสี่ยงร้อยละ 13.15 พบกลุ่มสงสัยป่วยร้อยละ 1.46 และคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงได้ร้อยละ 89.60 พบเป็นกลุ่มเสี่ยงร้อยละ 12.69 พบกลุ่มสงสัยป่วยร้อยละ 9.31 ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวเกิดจากการรณรงค์โดยใช้กลวิธีที่หลากหลายติดต่อกันเป็นเวลาหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มเสี่ยงที่เข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยังไม่ครอบคลุม และมีความยากลำบากในการนำกลุ่มเสี่ยงเข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งอาจเกิดจากขาดความรู้ความเข้าใจ และความตระหนักต่อความเสี่ยงที่จะกลายเป็นกลุ่มป่วยในอนาคต ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกม่วง จึงได้จัดทำโครงการชุมชน-คนโคกม่วงป้องกันโรคเรื้อรัง ปีงบประมาณ 2564 ขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ประชาชนอายุ 35 ปี ขึ้นไปในตำบลโคกม่วง ได้รับการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ประชาชนอายุ 35 ปี ขึ้นไป ได้รับการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 90 |
90.00 | |
2 | เพื่อให้ประชาชน กลุ่มเสี่ยงได้เข้าสู่กระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่อง
|
0.00 | |
3 | เพื่อให้การวินิจฉัยผู้ป่วยรายใหม่เป็นไปอย่างครอบคลุม และได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่อง ร้อยละการตรวจติดตามกลุ่มสงสัยป่วยโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง ร้อยละ 60 |
0.00 | |
4 | เพื่อพัฒนาคลินิกเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง รวมทั้งปรับปรุงแนวทางในการดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้มีคุณภาพมาตรฐานครบถ้วนตามแนวทางเวชปฏิบัติ
|
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 1170 | 65,600.00 | 0 | 0.00 | |
2 ก.พ. 64 | กิจกรรมอบรมฟื้นฟูวิชาการให้แก่ อสม.ปีละ 1 ครั้ง | 80 | 0.00 | - | ||
1 มี.ค. 64 | กิจกรรมตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มี เจ้าหน้าที่ อสม.เป็นผู้นำในการคัดกรอง โดยความร่วมมือของผู้นำชุมชนและภาคีเครือข่าย | 500 | 50,600.00 | - | ||
1 ส.ค. 64 | 3. กิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม 3.1 จัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดย จัดค่ายรู้เท่าทันความดันฯ-เบาหวาน เน้นการใช้แนวทาง 3 อ. 2ส. โดยมีการนำภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมามีส่วนร่วมในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความดันโลหิต 3.2 ติดตามกลุ่มเสี่ยงตามระยะเวลา | 90 | 15,000.00 | - | ||
1 ก.ย. 64 | 4. กิจกรรมจัดบริการผู้ป่วยในคลินิกเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน 4.1 ให้บริการตรวจรักษาโรคโดยแพทย์ และทีมสหวิชาชีพ โดยใช้แนวทางเวชปฏิบัติ 4.2 ติดตามความครอบคลุมในการดูแลกลุ่มป่วยในคลินิกของรพ.สต. 4.3 ติดตามผู้ป่วยที่รับการรักษาไม่สม่ำเสมอในชุมชน 4.4 | 500 | 0.00 | - |
ขั้นเตรียมการ
๑. ประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ปัญหาในการรับบริการที่คลินิก เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา
๒. ประชุมวางแผนการดำเนินโครงการโดยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
๓. ประชาสัมพันธ์โครงการ
๔. ติดต่อประสานงานกับผู้เกี่ยวข้อง จัดเตรียม วัสดุอุปกรณ์ แบบฟอร์ม เอกสารที่จำเป็น
ขั้นดำเนินการ
1) กิจกรรมอบรมฟื้นฟูวิชาการ
๑.๑ อบรมฟื้นฟูวิชาการให้แก่ อสม. ปีละ ๑ ครั้ง
2) กิจกรรมคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง
2.1 ตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมอง และภาวะอ้วนลงพุง ในกลุ่ม ประชาชนอายุ 3๕ ปีขึ้นไปในตำบลโคกม่วง ให้ อสม.เป็นผู้นำการคัดกรอง โดยความร่วมมือของ ผู้นำชุมชน และภาคีเครือข่ายอื่นๆ
2.2 ให้คำแนะนำในการป้องกันโรค กลุ่มเสี่ยงเข้ากระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ณ จุดคัดกรอง โดยเจ้าหน้าที่ รพ.สต. พร้อมทั้งบันทึกผลการคัดกรอง แยกกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง กลุ่มเสี่ยงสูง
2.3 กลุ่มสงสัยว่าป่วยเป็นโรค มีการนัดตรวจซ้ำ โดยใช้ FPG
3) กิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
3.1 กำหนดโปรแกรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง เป็น 3 โปรแกรมหลัก คือ
3.1.1 กิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ณ วันคัดกรองซึ่งเป็นการออกให้บริการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามแนวทาง 3อ. 2 ส. ในชุมชน ในวันคัดกรอง โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เป็น
ผู้ดำเนินกิจกรรม
3.1.2 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใน คลินิก DPAC
3.1.3 ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม “ค่ายรู้เท่าทันความดันฯ-เบาหวาน”
3.2 จัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดย จัดค่ายรู้เท่าทันความดันฯ-เบาหวาน เน้นการใช้แนวทาง 3อ.2ส. โดยมีการนำภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมามีส่วนร่วมในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความดันโลหิต
3.3 ติดตามกลุ่มเสี่ยงตามระยะเวลาที่กำหนด โดย กลุ่มเสี่ยงสูงติดตามทุก 1 เดือน กลุ่มเสี่ยงทั่วไปติดตาม 3 เดือน 6 เดือน
4) กิจกรรมบริการคลินิกปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
4.1 คลินิก DPAC ในกลุ่มเสี่ยง
- นัดกลุ่มเสี่ยงเข้ารับบริการในคลินิก DPAC
- ติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับบริการในคลินิกจนกว่าจะสามารถลดเสี่ยงได้
4.2 คลินิก DPAC ในกลุ่มป่วย
- ให้บริการคลินิก DPAC ในกลุ่มป่วยทุกวันที่ให้บริการคลินิกโรคเรื้อรัง
- ติดตามกลุ่มเป้าหมายทุกครั้งที่มารับบริการ
5) กิจกรรมจัดบริการผู้ป่วยในคลินิกเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน
5.1 ให้บริการตรวจรักษาโรคโดยแพทย์ และทีมสหวิชาชีพ โดยใช้แนวทางเวชปฏิบัติ
5.2 ติดตามความครอบคลุมในการดูแลกลุ่มป่วยในคลินิกของรพ.สต.โคกม่วง
5.3 ติดตามผู้ป่วยที่รับการรักษาไม่สม่ำเสมอในชุมชน
5.4 พัฒนาคลินิกโรคเรื้อรังตามเกณฑ์ คลินิก NCD คุณภาพระดับ รพ.สต.
5.5 ตรวจคัดกรองโรคไตเรื้อรัง และคัดกรองภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มป่วยที่ไม่ได้รับการรักษาใน รพ.สต. และ โรงพยาบาลคลองหอยโข่งฯ ทั้งตำบล
ขั้นหลังดำเนินการ
1) กำหนดแนวทาง เครื่องมือประเมินผล เช่น การใช้ IT ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เพื่อประเมินประสิทธิผล และประสิทธิภาพของกิจกรรมต่างๆ
1) ติดตามผลลัพธ์จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเสี่ยง โดยการตรวจร่างกาย และบันทึกใน JHCIS
1) ประชาชนเห็นความสำคัญของการคัดกรองโรค มีความรู้และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ และนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ลดอัตราป่วยด้วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหัวใจและหลอดเลือดรายใหม่ในระยะยาวได้เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง 2) ผู้ป่วยโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และระดับความดันโลหิตได้ตามเกณฑ์ส่งผลให้สามารถชะลอการเกิดภาวะ แทรกซ้อนในระยะยาวได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2564 14:53 น.