โครงการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพ และการบริโภคสารเคมีจากพืช ผัก ผลไม้
ชื่อโครงการ | โครงการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพ และการบริโภคสารเคมีจากพืช ผัก ผลไม้ |
รหัสโครงการ | 2560-L3306-2-06 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อาสาสมัครสาธารณสุข หมู่ที่ 10 บ้านในควน |
วันที่อนุมัติ | 7 กันยายน 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กันยายน 2560 - 29 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 9,770.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสุณีย์ศรีเทพ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลคลองเฉลิม อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.349,99.958place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 110 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สถานการณ์มะเร็งในประเทศไทย มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ระบุโรคมะเร็งยังเป็นความท้าทายของวงการแพทย์ไทย โดยสถิติล่าสุดพบคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ๕๖,๐๕๘ ราย หรือ ๘,๘๓๔ รายต่อประชากร ๑ แสนคน คิดเป็น ๔,๖๗๑ รายต่อเดือน หรือ ๑๕๖ รายต่อวัน เพิ่มขึ้นประมาณ ร้อยละ๑๐.๗ โดยมะเร็งเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ ๑ และสาเหตุการเสียชีวิตของมะเร็งที่สำคัญอันดับ๑ คือมะเร็งตับ และทางเดินน้ำดี ตามด้วยมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และปากมดลูก (พ.ญ.สุดสวาท เลาหวินิจ,๒๕๕๔๖) มีรายงาน เมื่อ ปี ๒๕๕๔ ของจังหวัดพัทลุง โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง (สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข )สถานการณ์โรคมะเร็งเขตโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโล๊ะจังกระ ปีงบประมาณ ๒๕๕๔ พบรายงานผู้ป่วยโรคมะเร็ง คิดเป็น ๒๗๑.๒๘ ต่อแสนประชากร โดยสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทที่สำคัญ คือเกิดจากสิ่งแวดล้อมหรือภายนอกร่างกาย ซึ่งปัจจุบันนี้เชื่อกันว่ามะเร็งส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุ ได้แก่ สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม สารเคมีที่ใช้ในขบวนการถนอมอาหาร จากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่และดื่มสุรา เป็นต้น และเกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย เช่น เด็กที่มีความพิการมาแต่กำเนิดมีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ,๒๕๕๔) ซึ่งในปัจจุบันสาเหตุประการแรกเกิดโรคมากที่สุดเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารต่างๆที่หลากหลาย และสารเคมีที่ตกค้างจากพืชผักสวนครัวที่ซื้อตามท้องตลาด ซึ่งสารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมองผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตาซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อโรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้น อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่เขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโล๊ะจังกระ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๔๙
ด้วยเหตุนี้ทางคณะทำงานคุ้มครองผู้บริโภค โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโล๊ะจังกระจึงเล็งเห็นความสำคัญผลกระทบของโรคดังกล่าว และสุขภาพของเกษตรกร จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพ และการบริโภคสารเคมีจากพืช ผัก ผลไม้ ปี ๒๕60 ขึ้น เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อดูปริมาณสารเคมีตกค้าง และเพื่อปรับเปลี่ยนกลุ่มเสี่ยงให้บริโภคพืชผักที่ปลอดสารพิษต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคมีความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับการตรวจหาปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด คิดเป็นร้อยละ 10 |
||
2 | เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างจากการใช้้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ประเมินผลจากผลการตรวจสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด เปรียบเทียบ 2 ครั้ง |
||
3 | เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสุขภาพที่ถูกต้อง จำนวนเกษตรกรที่เข้ารับการอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ร้อยละ 60 |
||
4 | เพื่อให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และจัดปัจจัยแวดล้อมในเอื้อต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ในประเด็นดังต่อไปนี้
4.1เพื่อให้ชุมชนมีแปลงผัก และมาตรการทางสังคมด้านสุขภาพของชุมชน
4.2เพื่อให้ครัวเรือนมีการปลูกผักไว้บริโภคเอง อย่างน้อยครัวเรือนละ 5 ชนิด
4.3เพื่อให้ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการฯ ปริมาณครัวที่ปลูกผักไว้สำหรับบริโภคเองมีเพิ่มมากขึ้น |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 7,400.00 | 0 | 0.00 | |
7 - 29 ก.ย. 60 | ตรวจสารเคมี ครั้งที่ 1 | 0 | 2,750.00 | - | ||
8 - 29 ก.ย. 60 | ตรวจสารเคมี ครั้งที่ 2 | 0 | 3,150.00 | - | ||
8 - 29 ก.ย. 60 | จัดซื้อวัสดุ+อุปกรณ์ | 0 | 1,500.00 | - |
๑. ก่อนดำเนินการ
๑.๑ สำรวจ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ในเขตรับผิดชอบ
๑.๒ ประชุมผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่างรูปแบบ และกำหนดแนวทางการจัดโครงการ
๑.๓ จัดทำโครงการเพื่อเสนอขออนุมัติ
๑.๔ ประสานกลุ่มเป้าหมายการเข้าร่วมโครงการ
๑.๕ แจ้งประชาสัมพันธ์กลุ่มเป้าหมายผู้ที่สนใจการเข้าร่วมกิจกรรม และชี้แจง กำหนดการ
๒.ระยะดำเนินการ
๒.๑ ตรวจสารเคมีตกค้างในกลุ่มเกษตรกร ครั้งที่ ๑
๒.๒ แจ้งผลการตรวจเป็นรายบุคคล
๒.๓ แยกประเภทกลุ่ม และจัดทำทะเบียนตามผลการตรวจ
๒.๔ นำกลุ่มเสี่ยง เข้าร่วมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
๒.๕ ตรวจสารเคมีตกค้างในกลุ่มเกษตรกร ครั้งที่ ๒
๓.หลังการดำเนินการ
๓.๑ รวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นเล่ม
๓.๒ ติดตาม ทบทวน ประเมิน และสรุปผล
1.กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคมีความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 2.กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3.กลุ่มเกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง 4.ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และจัดปัจจัยแวดล้อมให้เอื้อต่อการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ ในประเด็นต่อไปนี้ชุมชนมีแปลงผักและมาตรการทางสังคมด้านสุขภาพของชุมชน ครัวเรือนมีการปลูกผักไว้บริโภคเอง อย่างน้อยครัวเรือนละ5 ชนิด และประชาชนมีความพึงพอใจต่อการดำเนินโครงการฯ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2560 14:30 น.