กิจกรรมที่ 1 การเฝ้าระวังคัดกรองผู้เสี่ยง/ผู้สัมผัสเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019
1.1 กิจกรรมสร้างแกนนำนักเรียนผู้พิทักษ์อนามัยในห้องเรียน โดยดำเนินการคักเลือกแกนนำนักเรียนห้องเรียนละ 2 คน ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวังและประสานงานกรณีพบกลุ่มเสี่ยงหรือผู้สัมผัสโรคไวรัสโคโรน่า 2019 แล้วรายงานผลการเฝ้าระวังให้ครูประจำชั้นทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
1.2 กิจกรรมให้ความรู้ผู้คัดกรองนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการตรวจคัดกรองนักเรียน/บุคลากรทางการศึกษา ได้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลละงูมาให้ความรู้พร้อมทั้งคำแนะนำ แนวทางการปฏิบัติตนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 และขั้นตอนการตรวจคัดกรองโรคไวรัสโคโรน่า 2019
1.3 กิจกรรมคัดกรองผู้เสี่ยง/ผู้สัมผัสเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019 โรงเรียนกำแพงวิทยามีนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 2,021 คน ได้ดำเนินการตรวจคัดกรองโรคไวรัสโคโรน่า 2019 ด้วยชุด ATK จากการเฝ้าระวังและการตรวจคัดกรองผู้เสี่ยง/ผู้สัมผัสเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019 จากการรายงานการเฝ้าระวังของนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษา ได้ดำเนินการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง/ผู้สัมผัสเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019 จำนวน 1,115 คน โดยจากการคัดกรองไม่พบนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019
กิจกรรมที่ 2 การส่งตัวผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษา
เนื่องจากโรงเรียนกำแพงวิทยไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จึงไม่ได้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าว
กิจกรรมที่ 3 การกักกันตัวผู้เสี่ยง/ผู้สัมผัสเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019
เนื่องจากโรงเรียนกำแพงวิทยาไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จึงไม่ได้ดำเนินกิจกรรมดังกล่าว
กิจกรรมที่ 4 การกำหนดมาตรการการบังคับใช้ในสถานศึกษา
ได้ดำเนินการประชุมคณะกรรมการโรงเรียนและประชุมผู้ปกครองและได้ร่วมกันเสนอให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคไวรัสโคโรน่า 2019 ที่แพร่ระยาดในปัจจุบัน พร้อมทั้งกำหนดมาตรการการบังคับใช้ในสถานศึกษา ดังนี้
1. ให้นักเรียน ครู บุคลากร และผู้เข้ามาติดต่อในสถานศึกษาต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย 100% ตลอดเวลาที่อยู่ในสถานศึกษา
2. ให้ลดการทำกิจกรรมรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และหลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก หรือ พื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของโรค
3. ให้นักเรียน ครู และบุคลากร รับผิดชอบดูแลตนเอง มีวินัย ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และไม่ปิดบังข้อมูลกรณีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสเสี่ยง
4. ให้นักเรียน ครู บุคลากร กินอาหารด้วยการใช้ช้อนส่วนตัวทุกครั้ง และงดกินอาหารร่วมกัน
5. ให้นักเรียนกินอาหารปรุงสุกใหม่ร้อน ถูกหลักสุขาภิบาลและหลักโภชนาการ
6. ให้นักเรียน ครู บุคลากรที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กักกันตัวเองเป็นเวลา 14 วัน
7. ให้นักเรียน ครู บุคลากร รู้จักและหมั่นสังเกตอาการเสี่ยงจากโรคโควิด-19 เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ คอแห้ง อ่อนเพลีย หายใจลำบาก หายใจเร็ว เจ็บแน่นหน้าอก เสียการดมกลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง มีผื่น ท้องเสีย เป็นต้น หากมีอาการผิดปกติให้รีบแจ้งสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที
8. ให้นักเรียน ครู และบุคลากร ประเมินความเสี่ยงของตนเองผ่าน Thai Save Thai (TST) อย่างต่อเนื่อง
9. โรงเรียนมีมาตรการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit (ATK)
10. สนับสนุนให้ครู บุคลากร และฝ่ายสนับสนุน (Support Staff) เข้าถึงการฉีดวัคซีนมากกว่าร้อยละ 85
11. ให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี กลุ่มเสี่ยงที่มีน้ำหนักมาก มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค หรือกลุ่มเป้าหมาย เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
12. มีมาตรการคัดกรองวัดอุณหภูมิ ตรวจ ATK เว้นระยะห่าง ทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ ในโรงเรียน และจัดสภาพแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ และมีตารางเวรทำความสะอาดทุกวัน
13. มีมาตรการวัดอุณหภูมิ ตรวจ ATK ทำความสะอาดสถานที่และจัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับบทบัญญัติการปฏิบัติด้านศาสนกิจ และมีตารางเวรทำความสะอาดทุกวัน
14. ให้นักเรียน ครู และบุคลากรปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัยส่วนบุคคล 6 มาตรการหลัก ( DMHTRC ) 5 มาตรการเสริม ( SSET-CQ ) และ 7 มาตรการเข้มงวด
15. มีมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองความเสี่ยงและสร้างภูมคุ้มกันด้วย ( TSC Plus,Thai Save Thai, ATK ,Vaccine)
16. ควบคุมดูแลการเดินทางไป-กลับ ของนักเรียนให้มีความปลอดภัย ( Seal Route )
17. มีมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานศึกษา สอดคล้องตามบริบทพื้นที่และมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้นักเรียน ครู บุคลากร และผู้ปกครอง รับทราบอย่างทั่วถึง
กิจกรรมที่ 5 การประเมินผลโครงการและรายงานผล
รายงานผลการดำเนินกิจกรรมและรายงานการจัดซื้อ/จัดจ้าง แก่กองทุนหลักประกันสุขภาพ