โครงการรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) สายพันธ์ใหม่
ชื่อโครงการ | โครงการรณรงค์การฉีดวัคซีนป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) สายพันธ์ใหม่ |
รหัสโครงการ | L2502-65-03 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่4 |
วันที่อนุมัติ | 16 มีนาคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 เมษายน 2565 - 30 เมษายน 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 พฤษภาคม 2565 |
งบประมาณ | 72,750.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | มะเตาเฮบ เปาะโน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลกาลิซา อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.225,101.661place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งองค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นการระบาดใหญ่ ในประเทศไทยกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 นั้น ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมไว้ได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างทางสังคม และการฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
ในประเทศไทย จากข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย จะได้เห็นว่าเชื้อโควิด-19 มีการพัฒนาสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนกล้ายเป็นสายพันธุ์โอมิคอลในช่วงที่ผ่านมานี้ ซึ่งแพร่กระจายและติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น โดยเชื้อแพร่กระจายได้เร็วกว่าเดิม 3-4 เท่า ในต่างประเทศมีรายงานว่า อัตรากาติดเชื้ออยู่ในของเด็กสูงขึ้นตามสัดส่วนของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นประเทศไทยพบผู้ป่วยเด็กกลุ่ม 5-11 ปีติดเชื้ออยู่ในสัดส่วน 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะเด็กกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับวัคซีน การการศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ5-11 ปี พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ถึง 90.7 เปอร์เซ็นต์ หากเปรียบเทียบอาการของเด็กกับผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ดูเหมือนว่าผู้ใหญ่จะมีอาการน้อยกว่า เพราะความรุนแรงของโรคจะลดลงเมื่อได้รับวัคซีน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรุนแรงของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิคอนสำหรับเด็กนั้นค่อนข้างน้อย จากการศึกษาพบว่า แนวโน้มการติดเชื้อโอมิคอนในเด็กนั้นก็มีความรุนแรงไม่มาก แต่ถึงกระนั้นแล้ววัคซีนโควิด-19 ก็ยังมีความจำเป็นกับเด็กๆ จำเป็นต้องไปเรียน หากเด็กมีการติดเชื้อที่ไม่รู้ตัว จะทำให้เชื้อแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น การได้รับวัคซีนจะทำให้การแพร่กระจายของโรคน้อยลงและสามารถควบคุมการระบาดได้ อีกทั้งในเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ ยิ่งจำเป็นต้องได้รับวัคซีนป้องกัน เพราะหากมีการติดเชื้อจะทำให้มีอาการรุนแรงได้
ทั้งนี้ ถึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญให้ประชาชนฉีดกระตุ้นป้องกัน และเร่งให้ในเด็กกลุ่มอายุ 5-11 ปี ได้รับวัคซีนป้องกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ด้วยความหวังว่าจะทำให้ประชาชนมีภูมิต้านทานสูงไว้ก่อน
เพื่อสู้กับไวรัสตัวนี้ เพื่อการดำรงมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัย จึงได้จัดทำโครงการรณรงค์การเฝ้าระวัง การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) ระลอกสายพันธ์ใหม่ ในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน ให้ดำเนินงานรณรงค์สร้างความรอบรู้แก่ประชาชน ให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีความรู้ด้านการปฏิบัติตนในการป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID 19) สายพันธ์ใหม่ สามารถการป้องกัน และเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ได้ |
0.00 | |
2 | เพื่อให้ประชาชนฉีดวัคซีนกระตุ้น และกลุ่มอายุ 5-11 ปี ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ประชาชนได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 14664 | 72,750.00 | 0 | 0.00 | |
1 - 30 เม.ย. 65 | รณรงค์ติดป้ายประชาสัมพันธุ์ | 14,664 | 72,750.00 | - |
- เสนอโครงการฯ เพื่อขออนุมัติ
- แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงานตามโครงการฯ
- ดำเนินการบูรณาการกับผู้นำชุมชน และสมาชิกสภา
- จัดดำเนินงานโครงการฯ
4.1 ติดตั้งป้ายไวนิลรณรงค์ตามจุดที่วางไว้ หมู่ที่ 1 จำนวน 5 จุด
หมู่ที่ 2 จำนวน 10 จุด
หมู่ที่ 3 จำนวน 8 จุด
หมู่ที่ 4 จำนวน 5 จุด หมู่ที่ 5 จำนวน 10 จุด
หมู่ที่ 6 จำนวน 7 จุด 4.2 แจกแผ่นพับรณรงค์ - รายงานผลการดำเนินโครงการฯ
- ประชาชนสามารถป้องกัน และเฝ้าตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประชาชนได้รับวัคซีน สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตนเอง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565 11:09 น.