จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2560 ในกลุ่มที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป พบว่า มีจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด 10.7 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 19.1 จากประชากรทั้งสิ้น 55.9 ล้านคน มีผู้สูบบุหรี่เป็นประจำถึง 9.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 16.8 และสูบเป็นครั้งคราว 1.3 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 2.3 ส่วนผู้ที่เคยสูบแต่เลิกแล้วพบเพียง 3.7 ล้านคน ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำนั้นมากกว่าครึ่งหนึ่ง ร้อยละ 61.7 ของผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ สูบบุหรี่มวนที่ผลิตจากโรงงาน รองลงมาสูบบุหรี่มวนเอง ร้อยละ 55.4 เมื่อพิจารณาอัตราการสูบบุหรี่ตามกลุ่มวัย พบว่า กลุ่มวัยทำงาน (25-59 ปี) มีอัตราการสูบบุหรี่สูงสุด ร้อยละ 23.5 รองลงมาคือกลุ่มวัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) และกลุ่มเยาวชน (15-24 ปี) ร้อยละ16.6 และ 14.7 ตามลำดับ และเมื่อจำแนกรายภูมิภาค พบว่า ภาคใต้มีอัตราการสูบบุหรี่สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับภาคอื่น โดย มีจำนวนผู้สูบบุหรี่ทั้งหมด 1.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 27.1 จากประชากรทั้งหมด ผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีจำนวน 1.8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 54.3 จากคนที่สูบบุหรี่ทั้งหมด โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานีมีสถานการณ์การบริโภคยาสูบพบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของผู้สูบที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป มากเป็นอันดับที่ ๑๑ ของประเทศไทยอยู่ถึงร้อยละ 2๓.๔0 และจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2564 จังหวัดปัตตานีมีอัตราการสูบบุหรี่ลดลงเหลือร้อยละ 21.4 จากฐานของประเทศไทยอัตราการสูบอยู่ที่ร้อยละ 17.4
จากการดำเนินงานบุหรี่ของกลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลหนองจิกโดยขยายลงสู่ชุมชนในพื้นที่รับผิดชอบตำบลตุยงภายใต้การดำเนินงาน โครงการชุมชนปลอดบุหรี่ ณ ชุมชนบ้านโคกดีปลี หมู่ที่ 3 ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ในปี 2563-2564 ประกอบด้วยกิจกรรม การประขุมผู้นำในชุมชน , การอบรมให้ความรู้เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานชุมชนปลอดบุหรี่ , การประชุมติดตามและประเมินผล การดำเนินงาน และการจัดกิจกรรมรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และสร้างกระแสในชุมชน พบว่า การประชุมผู้นำชุมชนได้เข้าร่วม จำนวน 35 คน เพื่อรับทราบโครงการและการดำเนินงาน รวมถึงวางแผนการจัดกิจกรรมร่วมกัน , ให้ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำชุมชน จำนวน ๕๐ คน , ร่วมกันค้นหาผู้สูบบุหรี่นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดโดยความสมัครใจ มีผู้สูบบุหรี่เข้าร่วม จำนวน ๒๖ คน , พยาบาลให้คำปรึกษาการเลิกบุหรี่และแนะนำให้ใช้สมุนไพรมะนาวในการช่วยเลิกบุหรี่ พรัอมติดตามพฤติกรรมการสูบบุหรี่ จำนวน ๕ ครั้งใน ๑ ปี โดยประสานอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ติดตามหรือพยาบาลในคลินิกอดบุหรี่โทรติดตามพฤติกรรมการสูบบุหรี่และผู้สูบบุหรี่สามารถเลิกได้ จำนวน 11 คน โดยวิธีการหักดิบ ไม่ใช้ยา คิดเป็นร้อยละ 42.30 และมอบเกียรติบัตรคนต้นแบบการเลิกบุหรี่ได้ในชุมชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลตุยง , คนในชุมชนร่วมกันกำหนดมาตรการปลอดบุหรี่ของชุมชนเพื่อปฏิบัติร่วมกัน , เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขได้ตรวจเยี่ยมร้านค้าให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการร้านค้าที่ขายบุหรี่ในชุมชน จำนวน ๓ ร้าน เพื่อแนะนำการปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่ถูกต้องและแจกเอกสารโปสเตอร์ข้อกฎหมายติดประกาศร้านค้าให้ลูกค้าได้รับทราบและร่วมปฏิบัติตามเช่นกัน
ดังนั้นกลุ่มงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม โรงพยาบาลหนองจิก ได้เห็นความสำคัญของการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องของชุมชนปลอดบุหรี่เพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังจากการสูบบุหรี่ ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่รายใหม่ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้สูบบุหรี่รายเก่าในชุมชน โดยนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดและให้คำปรึกษา ติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให้คนในชุมชนสามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างน้อย ๑ ปีขึ้นไป และได้บุคคลต้นแบบในการเลิกบุหรี่ขยายต่อไป รวมถึงจัดทำรายงานวิจัยชุมชนปลอดบุหรี่ กรณีศึกษาโดยเน้นชุมชนมีส่วนร่วม