กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ โครงการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงและเบาหวาน
รหัสโครงการ 67-L2511-1-09
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต.
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ รพสต.บ้านบูกิ๊ตจือแร
วันที่อนุมัติ 22 กุมภาพันธ์ 2567
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 เมษายน 2567 - 31 สิงหาคม 2567
กำหนดวันส่งรายงาน 31 สิงหาคม 2567
งบประมาณ 27,840.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ นางสาวฮานีซะห์ แมเลาะ
พี่เลี้ยงโครงการ
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ละติจูด-ลองจิจูด place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
แผนงานโรคเรื้อรัง
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มวัยทำงาน 100 keyboard_arrow_down

กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน :

กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด
1 -
0.00

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับ ประชาชนเป็นจำนวนมาก และเป็น 1 ในสาเหตุการตาย ก่อนวัยอันควร องค์การอนามัยโลกคาดว่าในปี พ.ศ. 2568 ประชากรทั่วโลก กว่า 1.56 พันล้านคน จะป่วยด้วย โรคความดันโลหิตสูง และพบว่าประชาชนในวัยผู้ใหญ่ใน เขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย มีภาวะ ความดันโลหิตสูงและเสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 1.5 ล้านคน (World Health Organization [WHO], 2011) จากข้อมูลสถิติ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข (2554) พบอัตราผู้ป่วยใน สถานบริการสาธารณสุข เปรียบเทียบปี พ.ศ. 2543 และ ปี พ.ศ. 2553 เพิ่มสูงขึ้น 5.21 เท่าจาก 259.02 ต่อ ประชากรแสนคน เป็น 1,349.39 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรังที่รักษา ไม่หายขาด ขึ้นอยู่กับความร่วมมือในการรักษา และ ความสามารถในการดูแลตนเอง หากประชาชน ไม่สามารถดูแลตนเองได้อย่างต่อเนื่อง หรือเกิดความ บกพร่องในการดูแลตนเองจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน สำคัญกับ หัวใจ ตา ไต และสมอง
ดังนั้นเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแล ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน ครอบครัวถือเป็น สถาบันหลักในการดูแลสุขภาพ (สุภาณี ยอดสิน และ เสาวคนธ์ วีระศิริ, 2555) เพราะครอบครัวมีบทบาทที่ สำคัญต่อพฤติกรรมสุขภาพและการเจ็บป่วยของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้รับการสนับสนุนจาก ครอบครัว ช่วยเอื้ออำนวยให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมการรับ ประทานอาหาร การใช้ยา การออกกำลังกายที่เหมาะสม ก็ จะช่วยให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถเผชิญ ปัญหาและความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้ (เพ็ญศิริ สิริกุล, ชัยลิขิต สร้อยเพชรเกษม, และเสริม ทัศศรี, 2553) ผู้ดูแลผู้ป่วยเป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากใน การดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่บ้าน ถ้าผู้ดูแลมี ความพร้อมในการดูแลผู้ป่วย สามารถให้การดูแลผู้ป่วย ได้อย่างเต็มศักยภาพ ผลลัพธ์ตามมาที่จะเกิดกับ ผู้ป่วย คือ สามารถควบคุมอาการของโรคได้ และลด การกลับเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาล (สายพิณ เกษมกิจวัฒนา และปิยะภรณ์ ไพรสนธิ์, 2557) รวมทั้ง ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในชุมชน ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผู้ใหญ่บ้าน บุคลากรทางด้านสาธารณสุข เพื่อการดูแล ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงได้ดียิ่งขึ้น ชุมชนบ้านสโลว์บูกิ๊ตจือแร เป็น ชุมชนที่มีประชากรอยู่อาศัย มีจำนวนประชากร๔,๑๔๙คน จำนวน ๙๒๔ หลังคาเรือนมีประชากรมีผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด ๓๔๕ ราย โรคเบาหวาน ๒๘ รายโดยเฉพาะ โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่เกิดขึ้นเป็นอันดับ 1 ใน ชุมชนจากสถิติผู้ป่วยโรคเรื้อรังทั้งหมดจำนวน ๓๔๕ คนผู้ดูแลมีส่วนรับผิดชอบในการ ดูแลผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน การดูแลเป็น งานที่หนักและซับซ้อน ต้องอาศัยความรู้ ทักษะ และ ความพยายามอย่างต่อเนื่อง เช่น การเฝ้าระวังภาวะ แทรกซ้อน การรับประทานยา และอาการข้างเคียงต่างๆ ผู้ดูแลจะต้องมีการปรับตัวต่อบทบาทหน้าที่ของตนเอง หากไม่สามารถปรับบทบาทหรือเพิ่มประสิทธิภาพการ ดูแลได้ก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยโดยตรง ผู้ป่วยต้อง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลซ้ำ เกิดภาวะแทรกซ้อน หรือเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร ดังนั้นผู้ดูแลผู้ป่วยโรค ความดันโลหิตสูง จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนา คุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้น

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 เพื่อให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติได้

1.ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับเบาหวานอยุ่ในเกณฑ์ร้อยละ

40.00
2 เพื่อให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตอยุ่ในเกณฑ์ปกติ

2.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตอยุ่ในเกณฑ์ร้อยละ

50.00
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม กลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
วันที่ กิจกรรม 0 27,840.00 0 0.00
1 ต.ค. 66 - 30 ก.ย. 67 1.กิจกรรมอบรมแก่อสม.ที่รับผิดชอบ และฝึกปฏิบัติการเจาะเลือดปลายนิ้วที่ถูกวิธี 0 2,640.00 -
1 ต.ค. 66 - 30 ก.ย. 67 2.กิจกรรมประชุมผู้ดูแลกลุ่มโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน150 คน แบ่งเป็น 2 รุ่น 0 25,200.00 -

 

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

๑.ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ๒.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ
๓.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานได้รับการตรวจภาวะแทรกซ้อน
๔.ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวานความดันโลหิตสูงมีความรู้ในเรื่องโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงการดูแลสุขภาพการรับประทานอาหารและยาการออกกำลังกายการตรวจสุขภาพตา ไต เท้าทั้งสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
๕.ผู้ป่วยสามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับพฤติกรรมในเรื่องการดูแลสุขภาพตนเองใช้ยาได้อย่างปลอดภัยถูกวิธีและลดการพึ่งพาการใช้ยาที่เกินความจำเป็น

stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2566 00:00 น.