โครงการลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย เด็กตำบลเทพาแข็งแรง 4 D
ชื่อโครงการ | โครงการลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย เด็กตำบลเทพาแข็งแรง 4 D |
รหัสโครงการ | 67-L8287-1-7 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลเทพา |
วันที่อนุมัติ | 29 พฤศจิกายน 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2567 - 30 กันยายน 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2567 |
งบประมาณ | 20,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | คลินิกเวชปฏิบัติครอบครัวศูนย์ 1 โรงพยาบาลเทพา |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.82,100.94place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 มี.ค. 2567 | 30 ก.ย. 2567 | 20,000.00 | |||
รวมงบประมาณ | 20,000.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 56 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มวัยทำงาน | 108 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | 48 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
เด็กเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่า และเป็นอนาคตที่สำคัญของชาติ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เมื่ออวัยวะครบสมบูรณ์ ก็สามารถเรียนรู้ได้ ดังนั้น การเรียนรู้ตามหลักการพัฒนาสมองหรือเรียกว่า Brain Based Learning (BBL) จึงเป็นวิธีการเรียนรู้ที่สามารถนำไปปฏิบัติ สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครองในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมั่นใจ ซึ่งในขณะแม่ตั้งครรภ์ควรพูดคุยกับลูกในท้อง ใช้มือลูบคลำ หรือร้องเพลง หรือกิจกรรมที่แม่ทำแล้วสนุก มีความสุข เกิดสิ่งที่เราเรียกว่า “Mozart Effect” ซึ่งไม่จำเป็นต้องฟังเพลงของโมสาร์ทเท่านั้น อาจเป็น เพลงป๊อป เพลงลูกทุ่ง หรือเพลงอื่นๆ ที่แม่ฟังแล้วมีความสุข วงจรการเรียนรู้ของสมองมี 2 แบบ คือ “ตั้งใจและไม่ตั้งใจ” “ตั้งใจ” เมื่อถูกบังคับ เช่น ครู พ่อแม่บังคับให้ทำการบ้าน ให้เรียนรู้วิชา ซึ่งในลักษณะนี้ไม่เป็นผลดี เมื่อเด็กไม่พอใจ ไม่ต้องการเรียน สมองหรือ ระบบลิมบิก (Limbic system) จะปิด ส่วน “ไม่ตั้งใจ” นั้น ต้องเปิดสมองก่อน วิธีเปิดสมองอาจจะเปิดด้วยสมาธิ หรือจังหวะเพลง การเต้นง่ายๆ เมื่อสมองเปิดทำงาน มีสมาธิ แม่ตั้งครรภ์จะรู้สึกผ่อนคลาย ทารกในครรภ์ พร้อมที่จะเรียนรู้ก็จะทำได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในช่วงแรกเกิด – ๕ ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการพัฒนาในด้านต่างๆ อย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ จิตใจ และสังคม หากเด็กในช่วงนี้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสม และมีการส่งเสริมพัฒนาการในแต่ละด้านอย่างถูกวิธี จะส่งผลต่อความฉลาดทางอารมณ์และพัฒนาการด้านสมองในอนาคต จากการศึกษาพบว่า การเรียนรู้แบบการมีส่วนร่วม อัตราการเลี้ยง ลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน อยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอสมควร คือร้อยละ 25 แต่อัตราน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 2,500 กรัม( LBW: Low birth weight), การขาดธาตุเหล็กในหญิงตั้งครรภ์, ภาวะทุพโภชนาการในเด็ก (อ้วน-ผอม) ก็ยังเป็นปัญหา หญิงหลังคลอด ยังไม่มีความมั่นใจในเรื่องแนวคิด ความรู้ และทักษะในการเลี้ยง ลูกด้วยนมแม่ ส่งผลให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจน การพยาบาลก็เป็นปัญหาอุปสรรค ในการเรียนการสอน บางครั้งผู้รับบริการไม่พร้อมในการเรียนรู้ ให้ความร่วมมือน้อยในการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ทำให้กระบวนการสอนใช้เวลานานและคล้ายการเรียนการสอนแบบเดิม คือการสอนสุขศึกษา หรือ Health Education ผู้รับบริการบางคนไม่เปิดใจ ไม่เข้าใจในสิ่งที่สอนเพราะการสอนแบบเดิม เป็นการ สื่อสารทางเดียว ไม่มีการตรวจสอบว่าผู้รับบริการเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีการเน้นจุดสำคัญ ประเมินได้จาก หลังจากกลับบ้านผู้รับบริการไม่ได้นำไปปฏิบัติจริง เช่น ไม่ลงบันทึกสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็กอย่าง ต่อเนื่อง จึงทำให้ผลลัพธ์ตัวชี้วัดไม่เป็นที่น่าพอใจ
ทางคลินิกเวชปฏิบัติครอบครัวศูนย์1 โรงพยาบาลเทพา จึง ได้มีการนำแนวคิด BBL (Brain-based Learning) มาปรับกระบวนการโรงเรียนพ่อแม่ มาใช้กับ ผู้รับบริการโดยเริ่มแรกมีการแนะนำตัว กล่าวคำทักทายเพื่อสร้างความคุ้นเคย มีการเปิดสมองโดยพาทำกิจกรรม ก่อนเริ่มการสอนทำให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลายมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ หลังจากนั้นผู้สอนได้เริ่มการสอนและ สาธิตโดยเน้นจุดสำคัญของขั้นตอนต่างๆและให้ผู้รับบริการได้ฝึกปฏิบัติทุกคนโดยมีผู้สอนคอยประกบช่วยเหลือ หลังจากนั้นได้มีการพูดคุยสรุป และเปิดให้มีการ ซักถาม REFLECTION ของผู้รับบริการเพื่อจะได้ทราบว่า ผู้รับบริการยังมีความไม่มั่นใจหรือขาดทักษะขั้นตอนไหน ผู้สอนจะได้ช่วยเสริมตรงจุดนั้นทำให้ผู้รับบริการ สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพและมั่นใจเมื่อกลับไปปฏิบัติที่บ้าน นอกจากนี้ การปรับปรุงครั้งนี้ มุ่งหวังให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจ รู้จุดสำคัญ ข้อควรระวัง ทำให้สามารถเรียนรู้และ ปฏิบัติได้ถูกต้อง เด็กมีสุขภาพกายและใจที่ดี ไม่กลัวโรงพยาบาล คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ สนใจฟังนิทานมากขึ้น ผู้รับบริการมีความสุขในการเรียนการสอน สังเกตจากสีหน้าแววตา การให้ความร่วมมือ และมีความอบอุ่นที่สามีมีส่วนร่วมทุกกิจกรรม ตั้งแต่มาฝากครรภ์ สู่มารดาตั้งครรภ์คุณภาพ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์มีพฤติกรรมบริโภคอาหารที่เหมาะสม
|
1.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 212 | 20,000.00 | 0 | 0.00 | |
1 มี.ค. 67 - 31 ส.ค. 67 | แลกเปลี่ยนประสบการณ์ การตั้งครรภ์ ทั้งหมด 6 ฐานการเรียนรู้ | 48 | 6,240.00 | - | ||
1 มี.ค. 67 - 30 ก.ย. 67 | แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็ก 0-5 ปี ทั้งหมด 5 ฐาน การเรียนรู้ | 56 | 7,280.00 | - | ||
1 มี.ค. 67 - 30 ก.ย. 67 | ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ และ เด็ก 0-5 ปี | 108 | 6,480.00 | - |
1.อสม.มีความรู้และมีทักษะในการดูแลหญิงตั้งครรภ์และเด็ก0-5 ปี
2.ผู้ปกครองเด็กสามารถประเมินการเจริญเติบโต พัฒนาการและกระตุ้นพัฒนาการของบุตรตนเองได้
3.หญิงตั้งครรภ์ มีภาวะโภชนาการที่เหมาะสม
4. ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ และ เด็ก0-5 ปี
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 14:24 น.