โครงการพลังอสม.พลังชุมชน รู้ตน ลดเลี่ยง ลดโรค ปรับพฤติกรรมต้านภัยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปีงบประมาณ 2567
ชื่อโครงการ | โครงการพลังอสม.พลังชุมชน รู้ตน ลดเลี่ยง ลดโรค ปรับพฤติกรรมต้านภัยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ปีงบประมาณ 2567 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่ามะเดื่อ |
วันที่อนุมัติ | 13 กุมภาพันธ์ 2567 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มิถุนายน 2567 - 31 สิงหาคม 2567 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 17,150.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางจำนวล แป้นเนียม |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อโดยเฉพาะภาวะความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเร่งด่วนของประเทศ ผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงถ้าไม่ได้รับการดูแลหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมอาจพัฒนาเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ทำให้เป็นภาระต่อสังคมเศรษฐกิจและครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่ดูแลส่วนปัจจัยด้านอื่นๆที่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกันได้ก็คือพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมซึ่งพบว่าคนที่มีบิดา มารดามีภาวะความดันโลหิตสูงและภาวะเบาหวานก็มักจะมีโอกาสเสี่ยงมาก ส่วนในเรื่องปัจจัยแวดล้อมเช่น มีน้ำหนักตัวมาก สูบบุหรี่จัดดื่มสุราจัด มีระดับไขมันในเลือดสูง และมีความเครียดก็มีผลทำให้ภาวะความดันโลหิตสูงและเบาหวาน คนที่มีภาวะความดันโลหิตสูง และเบาหวานส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัว ซึ่งโอกาสจะเกิดโรคแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง และเบาหวานก็มีมากตามไปด้วย โดยทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ไต ตา และสมองและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงเปรียบภาวะความดันโลหิตสูงและเบาหวานว่าเป็น "ภัยเงียบ" สถานการณ์โรคเบาหวานจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยจากการพิจารณาสถานการณ์ความซุกของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยและขึ้นทะเบียนจากแพทย์ว่าเป็นโรคเบาหวาน ในสถานบริการภาครัฐ จากแหล่งข้อมูล 43 แฟ้ม พบว่าค่าความซุกในปี พ.ศ. 2565 เท่ากับร้อยละ 4.69 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องกระทั่งปี พ.ศ.2566 มีความซุกเท่ากับร้อยละ 7.04 อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอัตรการเพิ่มขึ้นในแต่ละปี พบว่าอัตรการเพิ่มขึ้นมีแนวโน้มที่ช้าลง ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการขึ้นทะเบียนเป็น ผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ที่มีแนวโน้มลดลงกระทั่งปี พ.ศ.2563 มีอัตรผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่เท่ากับร้อยละ 0.45 สถานการณ์ประเทศไทยจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยจากการพิจารณาสถานการณ์ความซุกของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัย และขึันทะเบียนจากแพทย์ว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงในสถานบริการ ภาครัฐ จากแหล่งข้อมูล 43แฟ้ม พบว่าค่าความซุกในปี พ.ศ.2565 เท่ากับร้อยละ 8.66 และมีแนวโน้มเพิ่มขี้นต่อเนื่อง ในอัตราที่น้อยลงกระทั่งปี พ.ศ.2566 มีความซุกเท่ากับร้อยละ 13.69 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ.2565 และลดลงในปี พ.ศ.2566 มีอัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ เท่ากับร้อยละ 0.89 เมื่อพิจารณาการกระจายตามเขตบริการ สุขภาพ จากข้อมูลฐานบริการ 4.3 แฟ้ม พบว่าความซุกของความดันโลหิตสูงสุดที่เขตบริการสุขภาพที่1,2และ3 ปัญหาโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ยังคงเป็นปัญหาที่คุกคามสุขภาพของประชาชนไทยถึงแม้ว่า แนวโน้มของความซุกจะไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่พบว่าผู้ป่วยทั้งเบาหวาน และความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่จะมีภาวะแทรกซ้อนหลอดเลือดสมองภาวะแทรกซ้อนหลอดดเลือดดหัวใจ และภาวะแทรกซ้อนทางไต โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อน ทางไตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากสาเหตุจากระยะเวลาในการเจ็บป่วย ที่นานขี้นแล้ว การเข้าถึงบริการ และคุณภาพการบริการก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อผลลัพธ์ทางสุขภาพ จากการวินิจฉัยที่ถูกต้องทันเวลา และให้การรักษาส่งต่อที่เหมาะสม และปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จากข้อมูลในระบบปฐมภูมิ พบว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ดี ในปี พ.ศ.2564,2565 และ 2566 คิดเป็นร้อยละ19.57,47.83และ45.76 ตามลำดับ และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมระดับความดันได้ดี ในปี พ.ศ.2564,2565และ2566 คิดเป็นร้อยละ 38.28,60.94 และ 51.18 ตามลำดับ ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่สามารถควบคุมโรคให้อยู่ในระดับปกติได้ จากการคัดกรองโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงประจำปี 2568 พบกลุ่มสงสัยผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 5 คน และกลุ่มสงสัยผู้ป่วยความดันโลหิตสูงจำนวน 32 คน ซึ่งเป็นปัญหาในพื้นที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่ามะเดื่อ ดังนั้น ชมรม อสม.หมู่ที่ 4 บ้านท่ามะเดื่อ ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการปรับพฤติกรรม เปลี่ยนชีวิตพิชิตโรคเรื้อรัง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว ชุมชนและภาคีเครือข่ายเพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีการปรับเปลี่ยนชีวิตพิชิตโรคเรื้อรัง โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวชุมชนและภาคีเครือข่ายเพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม ลดอัตรป่วยรายใหม่ด้วยโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหว่นในประชาชนกลุ่มเสี่ยง และส่งเสริมให้ผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติและลดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้ชมรม อสม.รพ.สต.บ้านท่ามะเดื่อ พัฒนาศักยภาพแกนนำในการดูแลกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง 2.เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถดูแลตนเองไม่ป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ 3.เพื่อให้กลุ่มป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถควบคุมระดับความดันโลหิต/ระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ 4.เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรัง
|
1.ชมรม อสม.รพ.สต.บ้านท่ามะเดื่อ ได้พัฒนาศักยภาพแกนนำในการดูแลกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง 2.ประชาชนกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถดูแลตนเองไม่ป่วยด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ 3.เพื่อให้กลุ่มป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถควบคุมระดับควาามดันโลหิต/ระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ 4.เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรัง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 11:13 น.