โครงการเด็กวัยเรียนตำบลปูโยะเหาตายสบายศรีษะ ประจำปี 2560
ชื่อโครงการ | โครงการเด็กวัยเรียนตำบลปูโยะเหาตายสบายศรีษะ ประจำปี 2560 |
รหัสโครงการ | 60-L2536-1-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.ปูโยะ |
วันที่อนุมัติ | 13 ตุลาคม 2559 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ธันวาคม 2559 - 30 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 29,016.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปูโยะ |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางนงเยาว์ เกษกุล |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลปูโยะ อำเภอสุไหง-โกลก จังหวัดนราธิวาส |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.109,101.993place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 13 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 399 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
เหา หรือ Louse เป็นแมลงชนิดหนึ่งที่เป็นปรสิต (Parasite) ต้องอาศัยบนร่างกายคน หรือสัตว์ และดำรงชีวิตโดยการดูดเลือดเป็นอาหารสามารถแพร่กระจายจากคนหนึ่งไปสู่คนหนึ่งได้โดยการอยู่ใกล้ชิดกัน อาการหลัก คือ อาการคัน ส่วนปัญหาสำคัญของผู้เป็นเหาคือ อาจกลายเป็นที่รังเกียจของสังคม การติดเหา สามารถเกิดขึ้นได้ในคนทุกเชื้อชาติ โดยทั่วโลกพบผู้ที่เป็นเหามากกว่าร้อยล้านคนต่อปี และพบอัตราการเป็นเหาทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและในประเทศด้อยพัฒนาไม่แตกต่างกันนัก โดย เหาที่ศีรษะ (Pediculushumanuscapitisหรือ Pediculosiscapitis) พบได้ในคนทุกระดับตั้งแต่ฐานะยากจน กระทั่งฐานะร่ำรวย และมักพบในวัยเด็ก การเป็นเหาในเด็กนักเรียนนับว่าเป็นปัญหาสำคัญสำหรับประเทศไทย เนื่องจากอาการหลักคืออาการคันที่ศีรษะ ซึ่งเกิดจากร่างกายมีปฏิกิริยาต่อการกัดของเหาที่หนังศีรษะเวลาดูดเลือด และจะคันมากในช่วงกลางคืน เพราะเหามักดูดเลือดในช่วงนี้ ทำให้เด็กมีปัญหานอนหลับไม่สนิท และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ได้นอกจากนี้การเกาหนังศีรษะอย่างมากอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อเรื้อรังได้ และตัวเหายังเป็นพาหะนำโรคได้หลายโรค เช่น ไข้รากสาดใหญ่ชนิด Epidemic typhus โรคไข้เทรนซ์ (Trench fever) และโรคไข้กลับ (Relapsing fever) เป็นต้นการรักษาเหาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ยาเบนซิลเบนโซเอต ๒๕% การใช้ยาน้ำแขวนตะกอนสีขาวขุ่นและการใช้สมุนไพรรักษา เช่น เมล็ดหรือใบน้อยหน่า ซึ่งการใช้ยาสมุนไพรเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเป็นการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์อีกด้วย จากการตรวจสุขภาพของนักเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ในตำบลปูโยะอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส พบว่า มีเด็กนักเรียนเป็นเหาร้อยละ ๔๖.๐๒ ซึ่งการเป็นเหาในเด็กวัยเรียนมีโอกาสหายค่อนข้างยาก และมีโอกาสติดโรคซ้ำ เนื่องจากภายในโรงเรียนมีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมากจึงมีการติดต่อโดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการใกล้ชิดหรือใช้ของร่วมกัน ทำให้เหาเพิ่มจำนวนและขยายพันธ์อย่างรวดเร็วได้ตลอดปี จึงได้จัดทำโครงการเด็กวัยเรียนตำบลปูโยะ เหาตายสบายศีรษะ โดยใช้น้ำยาสกัดจากใบน้อยหน่าขึ้น เพื่อลดโรคเหาในเด็กนักเรียน และเพื่อให้เด็กนักเรียนมีความรู้ในการป้องกัน และรักษาโรคเหาเพิ่มขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | - เพื่อลดการเป็นเหาในเด็กนักเรียน
|
||
2 | -เพื่อให้ผู้ปกครองมีความรู้ในการป้องกันและรู้วิธีการกำจัดเหาเพิ่มขึ้น
|
- ขั้นเตรียมการ
1.1 ประชาสัมพันธ์โครงการต่อชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อบต. โรงเรียน
1.2 ประชาสัมพันธ์โดยการประชุม ถ่ายทอดโครงการสู่ชุมชนที่ประชุมชาวบ้าน ที่ประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล
1.3 ประชุมชี้แจงอาสาสมัครสาธารณสุขเกี่ยวกับรายละเอียดและแผนการดำเนินงานตามโครงการ
1.4 การใช้ป้ายประชาสัมพันธ์ในชุมชน
- ขั้นดำเนินการ
2.1 กิจกรรมที่1 การตรวจคัดกรองนักเรียนที่เป็นเหา
1) สำรวจจำนวน และรายชื่อเด็กนักเรียนที่เป็นโรคเหา จากรายงานการตรวจสุขภาพนักเรียน
2) ตรวจคัดกรองเหาในเด็กที่นักเรียนสำรวจรายชื่ออีกรอบ และสำรวจเด็กนักเรียนที่เป็นเหาเพิ่มเติม
3) ประชุมปรึกษาหารือคณะทำงาน/ประสานผู้อำนวยการโรงเรียนและครูผู้รับผิดชอบงานอนามัยโรงเรียน
2.2 กิจกรรมที่2การอบรมให้ความรู้กับเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง
1) ให้ความรู้เรื่องการป้องกัน และรักษาโรคเหา แก่เด็กนักเรียน และผู้ปกครองที่เป็นเหาโดยให้ผู้ปกครองทำแบบสอบถาม ก่อนและหลังการให้ความรู้
2) ดำเนินการกำจัดเหาในเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย โดยการใช้น้ำยาสกัดใบน้อยหน่าชโลมให้ทั่วศีรษะโพกผ้าขนหนูทิ้งไว้ประมาณ ๑ ชั่วโมงจึงล้างออก
3) เด็กนักเรียนสระผมอีกครั้ง พร้อมใช้หวีเสนียดสางเอาตัวและไข่เหาออก
4) ดำเนินการกำจัดเหาในเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ติดต่อกัน ๓ ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง ๑ สัปดาห์
5) เมื่อดำเนินการครบทั้ง ๓ ครั้ง เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานอนามัยโรงเรียนของ รพ.สต. เข้าไปติดตาม ตรวจหาเหาในเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย
6) สรุปผลการดำเนินงาน
- ขั้นประเมินผล 1) เมื่อดำเนินการครบทั้ง ๓ ครั้ง เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานอนามัยโรงเรียนของ รพ.สต. เข้าไปติดตาม ตรวจหาเหาในเด็กนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย 2) สรุปผลการดำเนินงาน
- จำนวนนักเรียนเป็นเหาลดลง และไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
- ผู้ปกครองมีความรู้เรื่องการป้องกัน และวิธีกำจัดเหา สามารถนำไปปฏิบัติให้กับบุตรได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2559 14:44 น.