โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568
แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
โครงการ
“ โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 ”
ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
หัวหน้าโครงการ
นางสาวลิสา ผลดี
ได้รับการสนับสนุนโดย กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้
กันยายน 2568
ชื่อโครงการ โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568
ที่อยู่ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ 68-L8402-1-20 เลขที่ข้อตกลง 20/2568
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง 30 กันยายน 2568
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา รหัสโครงการ 68-L8402-1-20 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 มิถุนายน 2568 - 30 กันยายน 2568 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 33,350.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ »
บทคัดย่อ »
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล »
วัตถุประสงค์โครงการ »
กิจกรรม/การดำเนินงาน »
กลุ่มเป้าหมาย »
ผลลัพธ์ที่ได้ »
การประเมินผล »
ปัญหาและอุปสรรค »
ข้อเสนอแนะ »
เอกสารประกอบอื่นๆ »
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
ไวรัสตับอักเสบบีและซีเป็นโรคที่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่รู้ตัวและไม่สามารถดำเนินการป้องกันหรือรักษาได้ทันเวลา การตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการค้นพบผู้ติดเชื้อแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาและติดตามผลได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดภาระโรคในระยะยาวและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ไวรัสตับอักเสบบีและซีมีการแพร่ระบาดในบางกลุ่มประชากร เช่น ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้เข็มฉีดยาหรือผู้ที่มีประวัติการรับเลือดจากการบริจาคในอดีต ซึ่งทำให้ไวรัสสามารถแพร่กระจายไปในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว การตรวจคัดกรองสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดและช่วยระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีบางรายอาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเบื้องต้นที่ไม่ชัดเจน ทำให้การตรวจคัดกรองเป็นวิธีที่สำคัญในการค้นหาผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับแข็งและมะเร็งตับ การตรวจพบไวรัสตับอักเสบบีและซีในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสในการหายขาดหรือควบคุมอาการได้ นอกจากนี้การรักษาและติดตามผลยังช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชน การคัดกรองและการรักษาไวรัสตับอักเสบบีและซีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดภาระทางการแพทย์และการรักษาผู้ป่วยระยะยาวในระบบสาธารณสุข
โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) และไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis C) ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากไวรัสทั้งสองชนิดสามารถทำให้เกิดโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) สามารถแพร่ระบาดได้ผ่านการสัมผัสกับเลือดหรือของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และการรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดที่ไม่ผ่านการตรวจกรอง อัตราการติดเชื้อตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณ 296 ล้านคนทั่วโลกมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในปี 2020 โดยจำนวนนี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่ได้รับการรักษาและในประเทศไทย การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีการแพร่ระบาดในบางกลุ่มประชากร เช่น กลุ่มผู้ใช้สารเสพติดทางหลอดเลือด (ผู้ฉีดสารเสพติด) และผู้ที่รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดในอดีต อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้มีการรณรงค์และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีในเด็ก และมีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ซึ่งช่วยลดอัตราการติดเชื้อในประชากรไวรัสตับอักเสบบีซี (Hepatitis C) มีการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ผ่านการสัมผัสกับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การรับเลือดที่ไม่ผ่านการตรวจกรอง และการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่สะอาด อัตราการติดเชื้อตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี 2020 มีประมาณ 58 ล้านคนทั่วโลกที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการติดเชื้อเรื้อรังและยังไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือการรักษา และในประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซีในระดับปานกลางถึงสูง และกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญคือผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและผู้ที่มีประวัติการรับเลือดหรือการผ่าตัดในอดีต นอกจากนี้ ยังมีการพบการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองในกลุ่มผู้สูงอายุที่เคยได้รับการรักษาด้วยเลือดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจกรองในอดีต
แม้ว่าไวรัสตับอักเสบบีและซีจะมีความเสี่ยงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่การตรวจคัดกรองที่ถูกต้องและการเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงทีเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรค และช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควนขัน จึงเห็นความสำคัญการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี จึงได้จัดทำโครงการโครงการตรวจเช็คตับ ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และซี เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี และเพื่อลดอัตราการติดเชื้อและความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน
- เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี
- เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
83
กลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
600
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อในระยะแรกๆ ทำให้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสม
- ลดอัตราการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ
- ลดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน
- การสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
1
เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน
ตัวชี้วัด : ประชากรกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการตรวจคัดกรอง ร้อยละ 25
25.00
2
เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี
ตัวชี้วัด : ประชาชนในพื้นที่ได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ร้อยละ 80
80.00
3
เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
ตัวชี้วัด : ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ร้อยละ 100
100.00
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
683
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
-
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
-
กลุ่มวัยทำงาน
83
กลุ่มผู้สูงอายุ
-
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
-
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
-
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
-
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
600
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
-
บทคัดย่อ*
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน (2) เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี (3) เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...
หมายเหตุ *- บทคัดย่อ จะนำไปใส่ในส่วนบทคัดย่อของรายงานฉบับสมบูรณ์
- หากต้องการใช้ค่าเริ่มต้นของบทคัดย่อ ให้ลบข้อความในช่องบทคัดย่อ ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Refresh
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ 68-L8402-1-20
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( นางสาวลิสา ผลดี )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
โครงการ
“ โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 ”
ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
หัวหน้าโครงการ
นางสาวลิสา ผลดี
กันยายน 2568
ที่อยู่ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ 68-L8402-1-20 เลขที่ข้อตกลง 20/2568
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง 30 กันยายน 2568
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลคูหาใต้ อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา รหัสโครงการ 68-L8402-1-20 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 มิถุนายน 2568 - 30 กันยายน 2568 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 33,350.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลคูหาใต้ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ | » |
บทคัดย่อ | » |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | » |
วัตถุประสงค์โครงการ | » |
กิจกรรม/การดำเนินงาน | » |
กลุ่มเป้าหมาย | » |
ผลลัพธ์ที่ได้ | » |
การประเมินผล | » |
ปัญหาและอุปสรรค | » |
ข้อเสนอแนะ | » |
เอกสารประกอบอื่นๆ | » |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
ไวรัสตับอักเสบบีและซีเป็นโรคที่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น ตับแข็ง มะเร็งตับ และอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มต้น ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อไม่รู้ตัวและไม่สามารถดำเนินการป้องกันหรือรักษาได้ทันเวลา การตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซีจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการค้นพบผู้ติดเชื้อแต่เนิ่นๆ เพื่อให้สามารถเข้ารับการรักษาและติดตามผลได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยลดภาระโรคในระยะยาวและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ไวรัสตับอักเสบบีและซีมีการแพร่ระบาดในบางกลุ่มประชากร เช่น ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการใช้เข็มฉีดยาหรือผู้ที่มีประวัติการรับเลือดจากการบริจาคในอดีต ซึ่งทำให้ไวรัสสามารถแพร่กระจายไปในชุมชนได้อย่างรวดเร็ว การตรวจคัดกรองสามารถช่วยลดการแพร่ระบาดและช่วยระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซีบางรายอาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเบื้องต้นที่ไม่ชัดเจน ทำให้การตรวจคัดกรองเป็นวิธีที่สำคัญในการค้นหาผู้ติดเชื้อในระยะเริ่มต้น ก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับแข็งและมะเร็งตับ การตรวจพบไวรัสตับอักเสบบีและซีในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อน และเพิ่มโอกาสในการหายขาดหรือควบคุมอาการได้ นอกจากนี้การรักษาและติดตามผลยังช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคในชุมชน การคัดกรองและการรักษาไวรัสตับอักเสบบีและซีตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ลดภาระทางการแพทย์และการรักษาผู้ป่วยระยะยาวในระบบสาธารณสุข
โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) และไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis C) ยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เนื่องจากไวรัสทั้งสองชนิดสามารถทำให้เกิดโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง และมะเร็งตับ ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) สามารถแพร่ระบาดได้ผ่านการสัมผัสกับเลือดหรือของเหลวในร่างกายของผู้ติดเชื้อ เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และการรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดที่ไม่ผ่านการตรวจกรอง อัตราการติดเชื้อตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประมาณ 296 ล้านคนทั่วโลกมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในปี 2020 โดยจำนวนนี้ยังคงมีผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและไม่ได้รับการรักษาและในประเทศไทย การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมีการแพร่ระบาดในบางกลุ่มประชากร เช่น กลุ่มผู้ใช้สารเสพติดทางหลอดเลือด (ผู้ฉีดสารเสพติด) และผู้ที่รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดในอดีต อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้มีการรณรงค์และการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีในเด็ก และมีการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง ซึ่งช่วยลดอัตราการติดเชื้อในประชากรไวรัสตับอักเสบบีซี (Hepatitis C) มีการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ผ่านการสัมผัสกับเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การรับเลือดที่ไม่ผ่านการตรวจกรอง และการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่สะอาด อัตราการติดเชื้อตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าในปี 2020 มีประมาณ 58 ล้านคนทั่วโลกที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีการติดเชื้อเรื้อรังและยังไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือการรักษา และในประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีซีในระดับปานกลางถึงสูง และกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญคือผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันและผู้ที่มีประวัติการรับเลือดหรือการผ่าตัดในอดีต นอกจากนี้ ยังมีการพบการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองในกลุ่มผู้สูงอายุที่เคยได้รับการรักษาด้วยเลือดที่ไม่ได้ผ่านการตรวจกรองในอดีต
แม้ว่าไวรัสตับอักเสบบีและซีจะมีความเสี่ยงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว แต่การตรวจคัดกรองที่ถูกต้องและการเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงทีเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมโรค และช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านควนขัน จึงเห็นความสำคัญการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี จึงได้จัดทำโครงการโครงการตรวจเช็คตับ ป้องกันไวรัสตับอักเสบบี และซี เพื่อตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี และเพื่อลดอัตราการติดเชื้อและความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน
- เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี
- เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 83 | |
กลุ่มผู้สูงอายุ | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 600 | |
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อในระยะแรกๆ ทำให้เข้ารับการรักษาที่เหมาะสม
- ลดอัตราการเกิดโรคตับแข็งและมะเร็งตับ
- ลดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน
- การสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
---|---|---|---|---|---|
1 | เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน ตัวชี้วัด : ประชากรกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการตรวจคัดกรอง ร้อยละ 25 |
25.00 |
|
||
2 | เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ตัวชี้วัด : ประชาชนในพื้นที่ได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ร้อยละ 80 |
80.00 |
|
||
3 | เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ตัวชี้วัด : ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ร้อยละ 100 |
100.00 |
|
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 683 | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | |||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | - | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | - | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 83 | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | - | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | |||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | - | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | - | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | - | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 600 | ||
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] | - |
บทคัดย่อ*
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี ในชุมชน (2) เพื่อเพิ่มความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี (3) เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่
ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...
หมายเหตุ *
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
---|---|---|
|
|
|
โครงการตรวจเช็คตับอักเสบบี และซี รพ.สต.บ้านควนขัน ปีงบประมาณ 2568 จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ 68-L8402-1-20
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( นางสาวลิสา ผลดี )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......