โครงการทุ่งหว้าวัยใสห่างไกลฟันผุ
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
- ผลการดำเนินงาน
โครงการทุ่งหว้าวัยใส ห่างไกลฟันผุ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลทุ่งหว้า ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย เด็กก่อนวัยเรียนจำนวน 92 คน ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนและครูผู้ดูแลเด็ก จำนวน 80 คน โดยมีวัตถุประสงค์
- เพื่อให้เด็กก่อนวัยเรียนมีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน
- เพื่อบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน
- เพื่อให้ครูผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน
- เพื่อให้ผู้ปกครอง มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน และสามารถดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนได้ด้วยตนเอง
- เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ
โดยมีการดำเนินโครงการในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์ 2561 วันที่ 9 มีนาคม 2561 และวันที่ 23 มีนาคม 2561 สำหรับผลการดำเนินโครงการสรุปได้ดังนี้
1.1 ผลการประเมินกิจกรรมแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้านของเด็กก่อนวัยเรียน
ตัวชี้วัดข้อที่ 1 ร้อยละ 70 ของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 มีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน
ตารางที่ 1 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 มีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็น
ประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน (N = 92)
ระดับชั้น ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ที่บ้าน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน
แปรง ไม่แปรง แปรง ไม่แปรง แปรง ไม่แปรง
จำนวน % จำนวน % จำนวน % จำนวน % จำนวน % จำนวน %
อนุบาล1 46 50 7 7.6 35 38 18 19.6 35 38 18 19.6
อนุบาล2 31 33.7 8 8.7 33 35.9 6 6.5 33 35.9 6 6.5
รวม 77 83.7 15 16.3 68 73.9 24 26.1 68 73.9 24 26.1
จากตารางที่ 1 ผลการประเมินพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้านของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 พบว่า มีนักเรียนที่มีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้านจำนวน 68 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 92 คน คิดเป็นร้อยละ 73.9 โดยในระดับชั้นอนุบาล 1 คิดเป็นร้อยละ 38 และในระดับชั้นอนุบาล 2 คิดเป็นร้อยละ 35.9
สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 1 นักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 มีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้านจำนวน 68 คน จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 92 คน คิดเป็นร้อยละ 73.9 ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ
1.2 ผลการประเมินกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน
ตัวชี้วัดข้อที่ 2 ได้กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน
ผลการดำเนินงาน ได้จัดกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน โดยให้ครูผู้ดูแลเด็กมีส่วนร่วมในการคิดรูปแบบของกิจกรรม และครูผู้ดูแลเด็กสามารถนำกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมไปใช้ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กก่อนวัยเรียน โดยมีรายละเอียดดังตารางที่ 2
ตารางที่ 2 แสดงรายละเอียดการดำเนินกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรม กิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน วิธีการดำเนินการ
- กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ
เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้เคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างอิสระตามจังหวะ โดยใช้เสียงเพลง - ให้เด็กเต้นประกอบเพลง เจ้าฟันน้อย และเพลง ฟ.ฟันสวยจัง - กิจกรรมกลางแจ้ง
เป็นกิจกรรมที่จัดให้เด็กได้มีโอกาสออกไปนอกห้องเรียนเพื่อออกกำลัง เคลื่อนไหวร่างกาย และแสดงออกอย่างอิสระ - ปาหรือเตะลูกบอลทำลายเชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ และอาหารที่ส่งผลทำให้เกิดโรคฟันผุ
- เลือกวิ่งเก็บอาหาร ผัก และผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อฟัน
3. กิจกรรมเสริมประสบการณ์
เป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เด็กได้พัฒนาทักษะการเรียนรู้ ฝึกให้เด็กได้มีโอกาสฟัง พูด สังเกต คิดแก้ปัญหา ใช้เหตุผล และฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน - เล่านิทานโดยการใช้หุ่นนิ้วมือประกอบ
- สอนแปรงฟัน โดยใช้ภาพประกอบการแปรงฟันตามเหล่าสัตว์น่ารัก และโมเดลสอนแปรงฟัน
4. กิจกรรมสร้างสรรค์
เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กได้แสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และจินตนาการโดยใช้ศิลปะ - ให้เด็กระบายสีเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก (อาหาร, แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, ฟันแข็งแรง, ฟันผุ) และเล่าเรื่องจากภาพที่ระบายสี
- ปั้นดินน้ำมันรูปอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟัน
5. กิจกรรมเสรี
เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เล่นกับสื่อ โดยอาจมีการเล่นบทบาทสมมติและเล่นเลียนแบบในมุมต่าง ๆ
- ให้เด็กเล่นแสดงบทบาทสมมติ โดยการจัดเป็นมุมหมอฟัน
6. กิจกรรมเกมการศึกษา
เป็นเกมการเล่นที่ช่วยพัฒนาสติปัญญา มีกฎเกณฑ์กติกาง่าย ๆ ช่วยให้เด็กได้รู้จักการสังเกต คิดหาเหตุผลและเกิดความคิดรวบยอด - เกมแผนที่ช่วยพา (ให้เด็ก ๆ เดินตามคำสั่ง ยกตัวอย่างเช่น แสตมป์ช่วยพาน้องแป้งไปหายาสีฟันหน่อยครับ)
สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 2 ได้กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน โดยครูผู้ดูแลเด็กมีส่วนร่วมในการคิดรูปแบบของกิจกรรม และสามารถนำกิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมไปใช้ทำกิจกรรมร่วมกับเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ
1.3 ผลการประเมินกิจกรรมอบรมครูผู้ดูแลเด็ก
ตัวชี้วัดข้อที่ 3 ครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหาร ที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังจากการได้รับความรู้
ตารางที่ 3 แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรับความรู้และหลังได้รับความรับ
ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่อง
ปากของเด็กก่อนวัยเรียน สำหรับครูผู้ดูแลเด็ก จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน)
ก่อน (N=6) หลัง (N=6)
1 ฟันของคนเรามีทั้งหมด 3 ชุด คือ ฟันน้ำนม ฟันแท้ และฟันปลอม 5 6
2 ฟันน้ำนมมีทั้งหมด 20 ซี่ 5 6
3 การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ 5 6
4 สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ คือ เกิดจากแมงกินฟัน 4 5
5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ 6 6
6 โรคฟันผุ เป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม 6 6
7 การเคี้ยวอาหาร เป่าอาหาร อมอาหารแล้วให้เด็กรับประทาน เป็นการแพร่เชื้อโรคฟันผุจากแม่สู่ลูกได้ 5 6
8 การที่เด็กกินนมผงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมากกว่ากินนมแม่ 3 6
9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ 3 6
10 การแปรงฟันให้เด็กที่ถูกวิธี คือ การแปรงแบบถูไปถูมา 5 6
11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ 2 5
ตารางที่ 3 (ต่อ) แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรับความรู้และหลังได้รับความรับ
ความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพ
ช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน สำหรับครูผู้ดูแลเด็ก จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน)
ก่อน
(N=6) หลัง (N=6)
12 แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะขนแปรงแข็ง และปลายแหลม 6 6
13 การถอนฟันน้ำนมไปก่อนกำหนดมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และทำให้ฟันแท้ซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบ 6 6
14 ปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมกับเด็กอายุ 3 - 5 ปี ในการแปรงฟันแต่ละครั้งมีขนาดเท่าความกว้างของแปรง 4 5
15 ควรพาลูกไปพบทันตบุคลากรอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 5 6
16 การทาฟลูออไรด์วานิชทำให้ฟันผุ 5 6
17 เมื่อเด็กปวดฟันแล้วต้องถอน 6 6
18 โรคฟันผุเป็นธรรมชาติของเด็ก 6 5
19 เมื่อเด็กปวดฟันสามารถไปอุดฟันได้ 4 6
20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง 5 6
จากตารางที่ 3 การประเมินครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนทั้งก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ พบว่า
ก่อนได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 6 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ ข้อที่ 6 โรคฟันผุเป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม ข้อที่ 12 แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะขนแปรงแข็ง และปลายแหลม ข้อที่ 13 การถอนฟันน้ำนมไปก่อนกำหนดมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และทำให้ฟันแท้ซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบ ข้อที่ 17 เมื่อเด็กปวดฟันแล้วต้องถอนและข้อที่ 18 โรคฟันผุเป็นธรรมชาติของเด็ก มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 6 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดข้อที่ 11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 2 คน
หลังได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 6 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 1 ฟันของคนเรามีทั้งหมด 3 ชุด คือ ฟันน้ำนม ฟันแท้ และฟันปลอม ข้อที่ 2 ฟันน้ำนมมีทั้งหมด 20 ซี่ ข้อที่ 3 การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ ข้อที่ 5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ ข้อที่ 6 โรคฟันผุ เป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม ข้อที่ 7 การเคี้ยวอาหาร เป่าอาหาร อมอาหารแล้วให้เด็กรับประทาน เป็นการแพร่เชื้อโรคฟันผุจากแม่สู่ลูกได้ ข้อที่ 8 การที่เด็กกินนมผงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมากกว่ากินนมแม่ ข้อที่ 9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ ข้อที่ 10 การแปรงฟันให้เด็กที่ถูกวิธี คือ การแปรงแบบถูไปถูมา ข้อที่ 12 แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะขนแปรงแข็ง และปลายแหลม ข้อที่ 13 การถอนฟันน้ำนมไปก่อนกำหนดมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และทำให้ฟันแท้ซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบ ข้อที่ 15 ควรพาลูกไปพบทันตบุคลากรอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ข้อที่ 16 การทาฟลูออไรด์วานิชทำให้ฟันผุ ข้อที่ 17 เมื่อเด็ก ปวดฟันแล้วต้องถอน ข้อที่ 19 เมื่อเด็กปวดฟันสามารถไปอุดฟันได้ และข้อที่ 20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 6 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดคือ ข้อที่ 4 สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ คือ เกิดจากแมงกินฟัน ข้อที่ 11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ ข้อที่ 14 ปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมกับเด็กอายุ 3 - 5 ปี ในการแปรงฟันแต่ละครั้งมีขนาดเท่าความกว้างของแปรง และข้อที่ 18 โรคฟันผุเป็นธรรมชาติของเด็ก มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 5 คน
ตารางที่ 4 แสดงค่าเฉลี่ยความรู้ก่อน-หลังการได้รับความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและ
การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัย สำหรับครูผู้ดูแลเด็ก
การประเมินความรู้
จำนวน (คน)
Mean S.D. Sig.
( 2 – tailed )
ก่อนการได้รับความรู้
(Pre – test)
6 15.83 1.72 0.013
หลังการได้รับความรู้ (Post – test) 6 19.33 1.03
จากตารางที่ 4 การประเมินความรู้ก่อนและหลังได้รับความรู้ พบว่า ก่อนได้รับความรู้ครูผู้ดูแลเด็ก มีความรู้เฉลี่ย เท่ากับ 15.83 ± 1.72 คะแนน และหลังได้รับความรู้ครูผู้ดูแลเด็ก มีความรู้เฉลี่ยเท่ากับ 8.16 ± 1.57 คะแนน และจากการทดสอบทางสถิติ paired simple t-test พบว่ามีค่านัยสำคัญ
เท่ากับ 0.013 แสดงว่า ครูผู้ดูแลเด็ก มีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับความรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 3 ครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ภายหลังจากการได้รับความรู้ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ
1.4 ผลการประเมินกิจกรรมอบรมผู้ปกครอง
ตัวชี้วัดข้อที่ 4 ผู้ปกครองมีความรู้และสามารถปฏิบัติได้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังจากการได้รับความรู้
ตารางที่ 5 แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ในเรื่องการดูแล
สุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน
สำหรับผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน)
ก่อน (N=74) หลัง (N=74)
1 ฟันของคนเรามีทั้งหมด 3 ชุด คือ ฟันน้ำนม ฟันแท้ และฟันปลอม 46 44
2 ฟันน้ำนมมีทั้งหมด 20 ซี่ 53 60
3 การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ 65 69
4 สาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ คือ เกิดจากแมงกินฟัน 34 55
5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ 65 69
6 โรคฟันผุ เป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม 24 70
7 การเคี้ยวอาหาร เป่าอาหาร อมอาหารแล้วให้เด็กรับประทาน เป็นการแพร่เชื้อโรคฟันผุจากแม่สู่ลูกได้ 30 39
8 การที่เด็กกินนมผงมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคฟันผุมากกว่ากินนมแม่ 51 60
9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ 20 39
10 การแปรงฟันให้เด็กที่ถูกวิธี คือ การแปรงแบบถูไปถูมา 38 57
11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ 47 32
12 แปรงสีฟันที่ดีควรมีลักษณะขนแปรงแข็ง และปลายแหลม 27 65
13 การถอนฟันน้ำนมไปก่อนกำหนดมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และทำให้ฟันแท้ซ้อนเก ไม่เป็นระเบียบ 33 50
14 ปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมกับเด็กอายุ 3 - 5 ปี ในการแปรงฟันแต่ละครั้งมีขนาดเท่าความกว้างของแปรง 24 48
15 ควรพาลูกไปพบทันตบุคลากรอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง 33 65
16 การทาฟลูออไรด์วานิชทำให้ฟันผุ 24 60
17 เมื่อเด็กปวดฟันแล้วต้องถอน 35 56
ตารางที่ 5 (ต่อ) แสดงจำนวนผู้ที่ตอบถูกในช่วงก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ในเรื่อง
การดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของ
เด็กก่อนวัยเรียน สำหรับผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ ข้อความ จำนวนผู้ที่ตอบถูก (คน)
ก่อน (N=74) หลัง (N=74)
18 โรคฟันผุเป็นธรรมชาติของเด็ก 49 51
19 เมื่อเด็กปวดฟันสามารถไปอุดฟันได้ 25 48
20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง 57 70
จากตารางที่ 5 การประเมินผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียนเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนทั้งก่อนได้รับความรู้และหลังได้รับความรู้ พบว่าก่อนได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 74 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 3 การที่เด็กรับประทานขนมกรุบกรอบมีผลต่อการเกิดฟันผุ และ ข้อที่ 5 การที่เด็กหลับคาขวดนมมีผลต่อการเกิดโรคฟันผุ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 65 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดคือ ข้อที่ 9 การที่เด็กได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป เช่น การกลืนยาสีฟัน จะทำให้ฟันผิดปกติ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 20 คน
หลังได้รับความรู้ มีผู้ทำแบบประเมินจำนวน 74 คน ข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกมากที่สุดคือ ข้อที่ 6 โรคฟันผุเป็นโรคที่ติดต่อทางพันธุกรรม และข้อที่ 20 ควรพาเด็กมาเคลือบฟลูออไรด์อย่างน้อย 6 เดือนครั้ง มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 70 คน ส่วนข้อที่มีผู้ที่ตอบถูกน้อยที่สุดข้อที่ 11 เด็กควรเลิกดื่มนมจากขวดเมื่ออายุครบ 2 ขวบ มีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมดจำนวน 32 คน
ตารางที่ 6 แสดงค่าเฉลี่ยความรู้ก่อน-หลังการได้รับความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและ
การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน สำหรับผู้ปกครอง
ของเด็กก่อนวัยเรียน
การประเมินความรู้
จำนวน (คน)
Mean S.D. Sig.
( 2 – tailed )
ก่อนการได้รับความรู้
(Pre – test)
74 8.89 2.79 0.000
หลังการได้รับความรู้
(Post – test)
74 13.89 2.63
จากตารางที่ 6 การประเมินความรู้ก่อนและหลังได้รับความรู้ พบว่า ก่อนได้รับความรู้ผู้ปกครองมีความรู้เฉลี่ย เท่ากับ 8.89 ± 2.79 คะแนน และหลังได้รับความรู้ผู้ปกครองมีความรู้เฉลี่ยเท่ากับ 13.89 ± 2.63 คะแนน และจากการทดสอบทางสถิติ paired simple t-test พบว่ามีค่านัยสำคัญเท่ากับ 0.000 แสดงว่า ผู้ปกครองมีความรู้เพิ่มขึ้นหลังจากได้รับความรู้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สรุปจากตัวชี้วัดข้อที่ 4 ผู้ปกครองมีความรู้และสามารถปฏิบัติได้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ภายหลังจากการได้รับความรู้ ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ
1.5 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ
ตัวชี้วัดข้อที่ 5 เด็กก่อนวัยเรียน ครูผู้ดูแลเด็ก และผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจเฉลี่ยต่อโครงการในระดับมากขึ้นไป (คะแนนเฉลี่ยมากกว่า 3.50 จากคะแนนเต็ม 5)
ตารางที่ 7 แสดงจำนวนและร้อยละของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 ที่มีระดับความพึงพอใจต่อ
โครงการ
รูปภาพแสดงความรู้สึก
(Emoticon)
การแปลผลระดับความพึงพอใจ จำนวน (N = 92) ร้อยละ
ระดับมาก 77 83.8
ระดับปานกลาง 12 13.3
ระดับน้อย 3 2.9
จากตารางที่ 7 การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 โดยวิธีการเลือก Emoticon ที่ตรงกับความรู้สึกของเด็กก่อนวัยเรียนมากที่สุด พบว่า เด็กก่อนวัยเรียนส่วนใหญ่เลือก Emoticon รูปยิ้มที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 83.8 มีเด็กที่เลือก Emoticon รูปหน้านิ่ง ที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 13.3 และมีเด็กที่เลือก Emoticon รูปหน้าบึ้ง ที่หมายถึง มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 2.9
ตารางที่ 8 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของครูผู้ดูแล
เด็ก และผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน จำแนกตามรายข้อ
ข้อที่ เกณฑ์การประเมิน Mean S.D. ระดับความ พึงพอใจ
1 การประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมกิจกรรม 4.48 0.59 ดีมาก
2 ความเหมาะสมของสถานที่ที่ใช้ในการทำกิจกรรม 4.48 0.50 ดีมาก
3 ความพร้อมของการจัดโครงการ/กิจกรรม 4.33 0.53 ดีมาก
4 ความเหมาะสมของระยะเวลาในการทำกิจกรรม 4.25 0.70 ดีมาก
5 ลำดับขั้นตอนและความต่อเนื่องของกิจกรรม 4.31 0.68 ดีมาก
6 ความหลากหลายของกิจกรรม 4.21 0.69 ดีมาก
7 ประโยชน์และความรู้ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรม 4.54 0.59 ดีมาก
8 ควรให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้อีก 4.57 0.61 ดีมาก
รวม 4.59 0.55 ดีมาก
จากตารางที่ 8 การประเมินความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของครูผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน จำแนกตามรายข้อพบว่า ครูผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน มีความพึงพอใจต่อโครงการในภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.59 ± 0.55 ข้อที่มีผู้ให้คะแนนความพึงพอใจมากที่สุดคือ ข้อที่ 8 ควรให้มีการจัดกิจกรรมแบบนี้อีก มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.57 ± 0.61 และข้อที่มีผู้ให้คะแนนความพึงพอใจน้อยที่สุดคือข้อที่ 6 ความหลากหลายของกิจกรรม มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.21 ± 0.69
ตารางที่ 9 แสดงจำนวนและร้อยละของการประเมินระดับความพึงพอใจที่มีต่อโครงการของครู
ผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครอง
ระดับความพึงพอใจ ช่วงคะแนนเฉลี่ย จำนวน (N = 80 คน) ร้อยละ
ดีมาก 4.21 – 5.00 50 62.5
ดี 3.41 – 4.20 28 35.0
ปานกลาง 2.61 – 3.40 2 2.5
พอใช้ 1.81 - 2.60 0 0.0
ควรปรับปรุง 1.00 - 1.80 0 0.0
หมายเหตุ : จำนวนครูผู้ดูแลเด็ก จำนวน 6 คน ผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียน จำนวน 74 คน รวมทั้งหมดเป็นจำนวน 80 คน
จากตารางที่ 9 การประเมินระดับความพึงพอใจต่อโครงการของครูผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครอง พบว่า ครูและผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อโครงการอยู่ในระดับดีมาก จำนวน 50 คน คิดเป็นร้อยละ 62.7 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับดี จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 35.0 และมีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 2.5
สรุปตัวชี้วัดข้อที่ 5 เด็กก่อนวัยเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก จำนวน 77 คน คิดเป็นร้อยละ 83.8 ส่วนครูผู้ดูแลเด็กและผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากขึ้นไป จำนวน 78 คน คิดเป็นร้อยละ 97.5 ซึ่งถือว่า ผ่านตัวชี้วัดโครงการ
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
---|---|---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้เด็กก่อนวัยเรียนมีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน ตัวชี้วัด : 1.ร้อยละ 70 ของนักเรียนชั้นอนุบาล 1-2 มีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวันทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน |
90.00 |
|
||
2 | 2.เพื่อบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน ตัวชี้วัด : 2.ได้กิจกรรมบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน |
0.00 |
|
||
3 | 3.เพื่อให้ครู้ผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน ตัวชี้วัด : 3.ครูผู้ดูแลเด็กมีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนเพิ่อมขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังจากการได้รับความรู้ |
0.00 |
|
||
4 | 4.เพื่อให้ผู้ปกครอง มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนได้ด้วยตนเอง ตัวชี้วัด : 4.ผู้ปกครองมีความรุ็และสามารถปฏิบัตได้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติภายหลังจากการได้รับความรู้ |
0.00 |
|
||
5 | 5.เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ ตัวชี้วัด : 5.เด็กก่อนวัยเรียน ครูผู้ดูแลเด็ก และผู้ปกครองของเด็กก่อนวัยเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจเฉลี่ยต่อโครงการในระดับมากขึ้นไป (คะแนนฉลี่ยมากกว่า 3.50 จากคะแนนเต็ม 5 ) |
0.00 |
|
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 172 | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | |||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 92 | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | - | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 80 | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | - | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | |||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | - | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | - | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | - | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | - | ||
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] | - |
บทคัดย่อ*
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) 1.เพื่อให้เด็กก่อนวัยเรียนมีพฤติกรรมการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน ทั้งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและที่บ้าน (2) 2.เพื่อบูรณาการทันตสุขภาพร่วมกับกิจกรรมหลัก 6 กิจกรรมของเด็กก่อนวัยเรียน (3) 3.เพื่อให้ครู้ผู้ดูแลเด็ก มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากและการบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียน (4) 4.เพื่อให้ผู้ปกครอง มีความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก การบริโภคอาหารที่มีผลต่อสุขภาพช่องปากของเด็กก่อนวัยเรียนได้ด้วยตนเอง (5) 5.เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ (1) โครงการทุ่งหว้าวัยใส ห่างไกลฟันผุ
ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...
หมายเหตุ *