การผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่า
ชื่อโครงการ | การผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่า |
รหัสโครงการ | 61-L3308-1-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านชะรัด |
วันที่อนุมัติ | 22 กุมภาพันธ์ 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มิถุนายน 2561 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2561 |
งบประมาณ | 10,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางบุญเอื้อ แสงศักดิ์ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลชะรัด อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.473,99.989place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 60 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
องค์การอนามัยโลก (WHO, 2003) คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยกระดูกและข้อเพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านคนใน พ.ศ. 2551 เป็น 570 ล้านคนใน พ.ศ. 2563 โดยเฉพาะโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) ที่เป็นสาเหตุอันดับสี่ของโรคนับตามจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่กับความพิการ (Years lived with disability: YLDs) และได้คาดการณ์ว่าใน ค.ศ. 2000 ทั่วโลกจะมีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม 1,700 และ 2,693 คนต่อประชากร 100,000 คน(Haq&Davatchi, 2011)คณะผู้เชี่ยวชาญโรคข้อขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization’s Scientific Group on Rheumatic Disease) ประมาณการว่า มีประชากรโลกที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเป็นโรคข้อเสื่อมกว่าร้อยละ 10 พบความชุกสูงสุดที่ข้อมือและพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย (Pereira et al., 2011; Cooper et al., 2013;)กลุ่มนักวิชาการโรคข้อเข่าเสื่อม ยืนยันว่าอุบัติการณ์เริ่มพบในประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปี ในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 50 เป็นกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 65 ปี ตำแหน่งของข้อที่มักพบการเสื่อม ได้แก่ ข้อเข่า สะโพก ข้อมือ กระดูกสันหลัง และข้อเท้าแต่ข้อที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อการเจ็บป่วยและการรับบริการมากที่สุดคือ ข้อเข่า(Brooks, 2003; Zhang et al., 2010; Richmond et al., 2010) โดยข้อที่เสื่อมมากที่สุด คือ ข้อเข่า เนื่องจากข้อเข่าเป็นข้อที่มีขนาดใหญ่และต้องรับน้ำหนักของร่างกายโดยตรง ทั้งยังต้องทำหน้าที่เคลื่อนไหวเกือบตลอดเวลา ทำให้ข้อเสื่อมได้ง่าย โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of Knee) เป็นโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางเสื่อมในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ (Adult and elderly group) เป็นปัญหาสำคัญของระบบบริการสุขภาพของประเทศไทยเนื่องจากเป็นโรคข้อที่พบบ่อยที่สุด เป็น 1 ใน 10 โรคที่เป็นสาเหตุสำคัญอันก่อให้เกิดความทุพพลภาพในผู้สูงอายุอีกทั้งมีผลกระทบสูงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดพยาธิสภาพของข้อเข่าอย่างไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้แล้วการบำบัดแบบไม่ใช้ยา (Non-pharmacological treatment) และหรือการแพทย์แบบผสมผสาน (Complementary therapy) เป็นข้อเสนอที่ดีในการบำบัดที่ได้ผลดีที่สุด และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะโรคข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้น (Primary knee osteoarthritis) ซึ่งเป็นชนิดที่มีผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงอยู่ในชุมชนจำนวนมาก โรคข้อเข่าเสื่อมคือโรคที่เกิดจากการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อซึ่งเป็นผลที่มาจากอายุที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานมากเมื่อมีการใช้งานผิวข้อที่สึกจะมีการขัดสีกันทาให้เกิดอาการปวดข้อเข่าตามมาซึ่งในทางแผนไทยโรคข้อเข่าเสื่อมเปรียบได้กับโรคลมจับโปงเข่าโรคลมจับโปงคือโรคลมชนิดหนึ่งที่เกิดจากอาหารอากาศน้ำ และเป็นเฉพาะที่เข่ากับข้อเท้านั้นแบ่งเป็น 2 ชนิดได้แก่ 1.ลมจับโปงน้ำอาการปวดมากบวมแดงร้อนและมีน้าในข้อขณะที่บวมและอักเสบจะมีความร้อนขึ้นเสมอ 2.ลมจับโปงแห้งอาการบวมมีความร้อนไม่มากนักบางครั้งมีแดงเล็กน้อยแต่จะมีสภาวะหัวเข่าติดขาโก่งอาการปวดน้อยกว่าลมจับโปงน้า ดังนั้น งานแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านชะรัด จึงได้จัดทำโครงการการผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่าขึ้น เนื่องจากพบอุบัติการณ์ของโรคกระดูกและข้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุสำคัญอันก่อให้เกิดความทุพพลภาพ มีผลกระทบสูงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัวและเพื่อสนับสนุนโยบายของรัฐบาล ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ และเพื่อพัฒนาระบบบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทางแพทย์แผนไทยให้อยู่ในระดับที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1 เพื่อให้ กลุ่มผู้สูงอายุ มีความรู้เกี่ยวกับการผลิตยายาพอกเข่าเพื่อบำบัดอาการปวด และสามารถผลิตยาพอกเข่าโดยใช้สมุนไพรในท้องถิ่นได้ 2 เพื่อลดการใช้ยาแผนปัจจุบันและเพิ่มการใช้ยาสมุนไพร 1.กลุ่มผู้สูงอายุ สามารถผลิตยาพอกเข่าใช้เองได้ ร้อยละ 80 2.เพิ่มการใช้ยาสมุนไพรคิดเป็นร้อยละ 20 ของยาแผนปัจจุบัน |
0.00 |
วันที่ | ชื่อกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) | งบกิจกรรม (บาท) | ทำแล้ว | ใช้จ่ายแล้ว (บาท) | |
---|---|---|---|---|---|---|
28 ธ.ค. 61 | 1.1 วิเคราะห์ปัญหาสถานโรคข้อเข่าเสื่อมในเขตรับผิดชอบ รพ.สต.บ้านชะรัด 1.2 เขียนโครงการเพื่อของบประมาณ 1.3 ประสานงานวิทยากรเพื่อให้ความรู้ 2. กิจกรรมอบรมการผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่า 2.1 อบรบความรู้เรื่องโรคเข่าเสื่อม การดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์แ | 60 | 10,000.00 | ✔ | 10,000.00 | |
28 ธ.ค. 61 | ผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่า | 60 | 10,000.00 | - | ||
รวม | 120 | 20,000.00 | 1 | 10,000.00 |
- ขั้นตอนวางแผนงาน 1. วิเคราะห์ปัญหาสถานโรคข้อเข่าเสื่อมในเขตรับผิดชอบ รพ.สต.บ้านชะรัด 2. เขียนโครงการเพื่อของบประมาณ 3. ประสานงานวิทยากรเพื่อให้ความรู้
- ขั้นตอนการดำเนินงาน
1. จัดกิจกรรมอบรบการผลิตยาพอกบำบัดอาการปวดเข่า เชิงปฏิบัติจริงโดยแพทย์แผนไทย
- อบรบความรู้เรื่องโรคเข่าเสื่อม การดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย
- อบรบการทำยาพอกเข่าสมุนไพร และฝึกทักษะการพอกเข่า
- อบรบความรู้การส่งเสริมสุขภาพและป้องการโรค (การบริหารร่างกายด้วยท่าฤๅษีดัดตน)
2. ติดตามผลการพอกเข่าและอาการปวดเข่าในกลุ่มผู้ป่วยทุก 3 เดือน 3.สรุปผลและรายงานผลการดำเนินงาน
- อบรบความรู้เรื่องโรคเข่าเสื่อม การดูแลสุขภาพตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย
1.เพื่อให้ประชาชนในกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อเข่าได้รับบริการลดอาการปวดด้วยยาพอกเข่า โดยมีอาการปวดลดลง มากกว่า หลังการรับบริการ
2. ประชาชนกลุ่มเป้าหมายและญาติผู้ป่วยสามารถทำยาพอกเข่าเองได้และมีความพึงพอใจในการใช้งานเพิ่มขึ้น
3. อสม. ผ่านการอบรมและสามารถนำสมุนไพรในท้องถิ่นมาผลิตยาพอกเข่าได้
4. ประชาชนในกลุ่มเป้าหมายที่ใช้สมุนไพรในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และลดการใช้ยาแผนปัจจุบันเพื่อแก้ปวดลง (ชนิดรับประทาน , ทาภายนอก )
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2561 09:21 น.