จากการจัดโครงการพบว่า มีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ๖๐ คน โดยมีสัดส่วนของเพศชายและเพศหญิงที่ใกล้เคียงกันคือจำนวน ๒๘ คน และ ๓๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๖๗ และร้อยละ ๕๓.๓๓ ตามลำดับ ช่วงอายุ ที่มีผู้เข้าร่วมโครงการมากที่สุดคือช่วงอายุ ๖๑-๗๐ ปี จำนวน ๒๗ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๒๐ รองลงมาคือช่วงอายุ ๗๑-๘๐ ปี จำนวน ๒๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๑๐ ระดับการศึกษาส่วนใหญ่อยู่ในระดับประถมศึกษาหรือน้อยกว่า จำนวน ๔๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๓๐ รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษา จำนวน ๑๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๗๐ อาชีพส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวน จำนวน ๒๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๔๑.๗๐ รองลงมาคืออาชีพแม่บ้าน จำนวน ๑๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๒๐.๐๐ รายได้ต่อเดือนส่วนใหญ่อยู่ในช่วง ๐ - ๕,๐๐๐ บาท จำนวน ๔๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๘๐.๔๐ รองลงมามีรายได้อยู่ในช่วง ๕,๐๐๑ – ๑๐,๐๐๐ บาท จำนวน ๘ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๒๐
๑.๑ การประเมินความรู้ก่อนและหลังการอบรม / การอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตของผู้สูงอายุ และผู้ดูแลผู้สูงอายุ กายภาพบำบัดในผู้สูงอายุ และอาหารที่เหมาะสมกับวัย
ผลการประเมินพบว่า หลังเข้ารับการอบรมผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่มีระดับความรู้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ ๙๐ ซึ่งข้อคำถามที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนคือ ข้อคำถามที่ ๕ ผู้สูงอายุควรงดการใช้แรงกาย และต้องพักผ่อนมากๆ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๑๓.๓๓ เป็นร้อยละ ๙๐.๐๐ รองลงมาคือข้อคำถามที่ ๑๔ ปลาเค็ม, ปลาส้ม, ปลาพอง ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทาน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ ๓๖.๖๗ เป็นร้อยละ ๙๐.๐๐ และข้อที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดคือข้อคำถามที่ ๑๕ โปรตีนจากเนื้อปลาเหมาะที่จะนำมาประกอบอาหารให้กับผู้สูงอายุ เปลี่ยนแปลงเพียงร้อยละ ๑.๖๖
๑.๒ การเยี่ยมติดตามแปลงผักของผู้สูงอายุ
จากการเยี่ยมติดตามแปลงผักของผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุทุกครัวเรือนมีการปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินเองในครัวเรือน ซึ่งในแต่ละครัวเรือนผู้สูงอายุจะปลูกผัก/สมุนไพร มากกว่าหนึ่งชนิด โดยผัก/สมุนไพรที่นิยมปลูก ได้แก่ ตะไคร้ ข่า พริกสด ขมิ้น และมะกรูด ซึ่งในการปลูกผัก/สมุนไพรนั้น ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุใช้ปุ๋ยมูลสัตว์ (มูลไก่ มูลวัว และมูลแพะ) และบางครัวเรือนมีการทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง
๑.๓ การออกเยี่ยมประเมิน/เยี่ยมติดตาม ผู้สูงอายุติดบ้าน/ติดเตียง
ผู้สูงอายุติดบ้าน/ติดเตียง ในพื้นที่มีทั้งหมด ๖ คน ได้ทำการออกเยี่ยมติดตามจำนวน ๒ ครั้ง ทั้งนี้ผู้สูงอายุติดบ้าน/ติดเตียง ได้รับการเยี่ยมประเมินครบทุกคน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ทั้งสองครั้ง
๑.๔ การประเมินความพึงพอใจ
ผลการประเมินความพึงพอใจจากแบบประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๖๐ คน พบว่า
๑. ด้านการบริการของคณะดำเนินการ พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งพึงพอใจในเรื่อง การแต่งกายของคณะดำเนินงานมากที่สุด ร้อยละ๙๕.๓๒ รองลงมาคือ การต้อนรับ ร้อยละ ๙๕.๐๐
๒. ด้านวิทยากร พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งพึงพอใจในเรื่องการถ่ายทอดความรู้ของวิทยากรมากที่สุดร้อยละ ๙๔.๔๘ รองลงมาคือ การใช้ภาษาที่เหมาะสม เข้าใจง่าย ร้อยละ ๙๓.๐๔
๓. ด้านสถานที่/ระยะเวลา/อาหาร พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งพึงพอใจในเรื่องความเหมาะสมของอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ ๙๕.๑๓ รองลงมาคือ สถานที่สะอาดและมีความเหมาะสม ร้อยละ ๙๕.๐๐
๔. ด้านการนำความรู้ไปใช้ พบว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่ง พึงพอใจในเรื่องสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ได้ ร้อยละ ๙๖.๖๗ รองลงมาคือ สามารถนำความรู้ไปเผยแพร่/ถ่ายทอดแก่ชุมชนได้ ร้อยละ ๙๓.๔๒
โดยสรุปพบว่าผู้เข้าร่วมโครงการมีความพึงพอใจต่อโครงการอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือระดับมาก