ส่งเสริมการใช้สมุนไพรป้องกันโรคมาลาเรีย
ชื่อโครงการ | ส่งเสริมการใช้สมุนไพรป้องกันโรคมาลาเรีย |
รหัสโครงการ | 61-L8278-1-02 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านบือซู |
วันที่อนุมัติ | 2 สิงหาคม 2561 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 6 สิงหาคม 2561 - 30 กันยายน 2561 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 30,200.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวอาซีเย๊าะ อาเย๊าะแซ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบันนังสตา อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.25,101.233place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 200 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ตำบลบันนังสตาเป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่มีสภาพมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องและมีภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยป่าเขาและลำธาร ซึ่งเอื้อต่อการเจริญเติบโตของยุงก้นปล่อง ทำให้สภาพพื้นที่เอื้อต่อมีการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรียท โรคมาลาเรียปัจจุบันมีแนวโน้มผู้ป่วยสูงขึ้นและยังคงพบผู้ป่วยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และถือเป็นปัญหาสาธารณสุขในพื้นที่ที่ต้องเร่งแก้ไขและควบคุมโดยเร็ว ทั้งนี้โรคมาลาเรียจะติดต่อจากคนไข้ที่มีเชื้อไข้มาลาเรียโดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะ เมื่อยุงลายไปกัดคนที่มีเชื้อก็จะนำเชื้อไปติดคนอื่น การควบคุมโรคมาลาเรียที่ผ่านมาจะควบคุมที่ตัวตัวแก่ และยุงส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในป่ายาง ด้วยการประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพำสวนยางซึ่งเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคมาลาเรีย ดังนั้นการป้องกันตนเองจึงเป็นการป้องกันโรคได้ดีกว่าการควบคุมตัวยุง ปัจจุบันแต่วิธีที่คนทั่วไปนิยมใช้ที่สุดคือการใช้สารเคมีในการกำจัดยุง เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป ให้ผลรวดเร็วทันใจ แต่การใช้สารเคมีเหล่านี้ หากผู้ใช้ไม่เข้าใจวิธีการใช้ที่ถูกต้องก็อาจเป็นอันรคตรายแก่ผู้ใช้เอง และในการกำจัดยุงในบริเวณกว้างจะต้องใช้สารเคมีปริมาณมาก สารเคมีเหล่านี้จะตกค้างในสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นพิษทั้งต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยงได้ ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาต่อระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อมตามมา นอกจากนี้การใช้สารเคมีในระยะยาวยังทำให้ยุงดื้อต่อสารเคมีอีกด้วย และผลกระทบอีกอย่างหนึ่งของการใช้สารเคมีเกินความจำเป็นคือสามารถก่อให้เกิดความผิดปกติต่างๆ โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กเล็ก ซึ่งอาจจะมีผลทำให้เกิดอาการแพ้สารเคมี ผิวหนังอักเสบ รวมทั้งทำให้เกิดอาการหายใจขัดข้อง หรือถ้าอาการรุนแรงมากอาจทำให้เสียชีวิตได้ ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยแล้วว่า มีไพรหลายชนิดที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการกำจัดยุงได้ ที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักกั้นการนดีก็คือ ตะไคร้หอม ที่นำมาผลิตสเปรย์กันยุง ซึ่งการนำสมุนไพรมาผลิตเป็นสมุนไพรไล่ยุงนอกจากจะช่วยลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์แล้วนั้น การใช้สมุนไพรยังมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้สารเคมีที่มีขายตามท้องตลาดอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ผู้จัดทำโครงการจึงได้ศึกษาเพื่อคิดหาผลิตภัณฑ์ที่ใช้กำจัดยุงในรูปแบบที่ไม่เป็นอันตรายทั้งต่อคน สัตว์เลี้ยงและสิ่งแวดล้อม โดยการนำสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อผลิตเป็นน้ำมันหอมระเหยก่อน จากนั้นจึงนำน้ำมันหอมระเหยที่ได้มาผลิตตามกระบวนการวิจัยเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ไล่ยุง เช่น ทำในรูปแบบสเปรย์ เป็นต้น ซึ่งการนำสมุนไพรพื้นบ้านมาใช้นี้นอกจากจะเป็นการช่วยลดปัญหาดังกล่าวแล้ว ยังทำให้ชุมชนตระหนักและเห็นคุณค่าของสมุนไพรใกล้ตัวที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างปลอดพิษปลอดภัยในสังคมไทย และสังคมโลกต่อไป โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านบือซู จึงได้เสนอโครงการฯ ขึ้นเพื่ออบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง สมุนไพรไล่ยุง เพื่อฝึกปฏิบัติการทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไล่ยุง และส่งเสริมการใช้สมุนไพรพื้นบ้านในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดี เนื่องจากการลดการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทั้งยังทำให้ชุมชนตระหนักและเห็นคุณค่าของสมุนไพรใกล้ตัวที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ถูกชี้แนะไว้โดยบรรพบุรุษของการวิจัยคือ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างปลอดพิษปลอดภัยในสังคมไทย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2561 20:45 น.