การบริโภคยาสูบหรือการสูบบุหรี่ เป็สาเหตุสำคัญของปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะเทคนิคการแพทย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการรณรงค์เพื่อควบคุมการบริโครยาสูบ มุ่งให้มีการลด/ละ/เลิกการสูบบุหรี่ เนื่องจากการบริโภคยาสูบหรือการหยุดสูบบุหรี่จะทำให้เกิดอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคยาสูบหรือการสูบบุหรี่ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ สุจภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตของผู้ที่เลิกสูบบุหรี่ได้ ของสมาชิกในครอบครัวและของผู้อื่นในสังคมดีขึ้น ลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและประเทศชาติในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่มีสาเหตุแห่งความเจ็บป่วยมาจากการบริโภคยาสูบหรือการสูบบุหรี่ องค์การนอนามัยโลก ได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนการควบคุมการบริโภคยาสูบ หรือการเลิกสูบบุหรี่มาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดให้มี "วันงดสูบบุหรี่โลก" ขึ้นในวันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 เป็นต้นมา
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่าแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งเทียบเท่ากับเดือนละเกือบ 11,000 คน หรือวันละ 8 คน และในบุหรี่มีสารเคมี 4,000 กว่าชนิด ซึ่งสารเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งต่อผู้สูลเองและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่ได้รับควันบุหรี่เป็นเด็กก็จะยิ่งเป็นอันตรายมาขึ้น เนื่องจากเด็กยังมีภูมิต้านทานทางโรคค่อนข้างต่ำและยังไม่สามารถป้องกันตนเองจากการได้รับควันบุหรี่จากผู้ใหญ่ได้นั้น งานวิจัยยังพบว่าในแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ปีละ 52,000 คน หรือชั่วโมงละ 6 คน และผู้ที่ติดบุหรีาส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เริ่มสูบและตดบุหรี่ตั้งแต่อยู่ในวัยรุ่น นช่วงอายุ 11 - 18 ปี โดยยังสูบต่อเนื่องไปจนอยู่ในวัยเยาวชน ในช่วงอายุ 19 - 25 ปี และผู้ใหญ่ตอนต้นในช่วงอายุ 25 - 35 ปี