โครงการทุ่งต่อร่วมใจ ต้านภัยมะเร็ง ปากมดลูก และเต้านม
ชื่อโครงการ | โครงการทุ่งต่อร่วมใจ ต้านภัยมะเร็ง ปากมดลูก และเต้านม |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชนตำบลทุ่งต่อ |
วันที่อนุมัติ | 31 มีนาคม 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 30 พฤษภาคม 2559 - 30 กันยายน 2559 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 18,450.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | สถานีอนามัยตำบลทุ่งต่อ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลทุ่งต่อ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.759,99.575place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 250 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของโลก จากรายงานขององค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (International Agency for research on Cancer :IARC)/องค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี พ.ศ.2545 มีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามรายใหม่ปีละ 493,243 คน และตายปีละ 273,503 คน และใน 5 ปี จะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกอยู่ 1,409,285 คน ซึ่งจะต้องได้รับการรักษา
ในประเทศไทย โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับหนึ่งในสตรีไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณปีละ 6,300 ราย พบมากที่สุดระหว่างอายุ 45-50 ปี ระยะที่พบส่วนใหญ่อยู่ในระยะลุกลาม อัตราการอยู่รอด 5 ปี ประมาณร้อยละ 60 จึงมีผู้ป่วยสะสมจำนวนมาก คาดประมาณว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่และรายเก่าที่ต้องติดตามทำการดูแลรักษาอยู่ไม่น้อยกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ แต่อัตราการอยู่รอด 5 ปี จะดีขึ้นถ้าพบในระยะเริ่มแรก
โรคมะเร็งเต้านมเป็นปัญหาที่คุกคามสุขภาพสตรีทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งพบว่าโรคมะเร็งเต้านมมีอุบัติการณ์ของโรคสูงเป็นอันดับ 1 ในปี 2551 และพบว่าสตรีทุก 16 คน มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้ 1 คน แม้ว่ามะเร็งเต้านมทำให้เกิดความสูญเสียและเป็นสาเหตุการตายในอัตราที่สูง แต่ก็เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ และการพยากรณ์โรคค่อนข้างดี ถ้าสามารถตรวจพบและให้การรักษาในระยะเริ่มแรก ซึ่งร้อยละ 80 ของมะเร็งเต้านมสามารถตรวจพบได้โดยการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือน เพื่อค้นหาความผิดปกติของเต้านม ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการแนะนำให้ปฏิบัติมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากสามารถปฏิบัติได้ง่ายด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษใด ๆ ช่วยในการตรวจ ประหยัดเวลา และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า ร้อยละ 60 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มารับการรักษาเมื่อระยะของโรคได้ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองแล้ว ทั้งนี้เนื่องมากจากสตรีเหล่านี้ไม่เคยตรวจเตานมด้วยตนเองเลย จึงไม่ได้ไปพบแพทย์ในระยะเริ่มแรก ทั้งนี้เนื่องจากกลัวและวิตกกังวลว่าจะเป็นโรคมะเร็งเต้านม รวมทั้งการขาดความรู้ ขาดความเชื่อมั่นในการตรวจเต้านม และไม่เห็นความสำคัญของการตรวจอย่างสม่ำเสมอทุกเดือนจึงไม่เกิดพฤติกรรมการตรวจเต้านมด้วยตนเอง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้ประชาชนมีความรู้และตระหนักในเรื่องของปากมดลูกและมะเร็งเต้านมและสามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้อย่างถูกต้องมากกว่าร้อยละ 80 ของสตรีกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1.กลุ่มเป้าหมายสามารถตรวจเต้านมด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง มากกว่าร้อยละ 80 |
||
2 | 2.เพื่อค้นหาผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกในระยะแรก 1.ค้นหาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกในระยะแรก ร้อยละ 100 |
||
3 | 3.เพื่อลดอัตราป่วยและตามด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม 1.ลดอัตราการป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก ร้อยละ 80 |
||
4 | 4.เพื่อสร้างพลังสตรีอาสาต้านภัยมะเร็งในชุมชน 1.สร้างอาสาต้านภัยมะเร็งในชุมชน ร้อยละ 100 |
||
5 | 5.เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานให้เหมาะสมกับพื้นที่และมีประสิทธิภาพเพิ่มประสิทธิผล 1.เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการโครงการ |
- สตรีกลุ่มเป้าหมายมีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพตนเองเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- สตรีกลุ่มเป้าหมายตระหนักถึงอันตรายของโรคมะเร็งเต้านมและปากมดลูก และให้ความสนใจในการเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก มากกว่า ร้อยละ 80
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้นได้รับการรักษา
- อัตราป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกและโรคมะเร็งเต้านมลดน้อยลง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2559 15:42 น.