โครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพในชุมชน โดยนักสุขภาพครอบครัว(นสค.) ตำบลบางปู อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ประจำปีงบประมาณ 2562

กิจกรรม สำรวจข้อมูลโดย อสม.และเจ้าหน้าที่เพื่อจัดทำฐานข้อมูล Community Folder ทุกหลังคาเรือนและบันทึกลง โปรแกรม Hcis และ ทำแผนที่เดินดิน ทำความรู้จัก แนะนำตัว “หมอครอบครัว”
หมอครอบครัวสามารถดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้พิการในชุมชนได้

1.ประชุมชี้แจงและจัดทำแผนงานโครงการ
2.จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพ แกนนำสุขภาพ เป็น หมอครอบครัว การจัดการสุขภาพและเยี่ยมบ้าน โดยมีเนื้อหาการอบรมดังนี้
- ชี้แจงวัตถุประสงค์
- กำหนดบทบาทหน้าที่ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับ แกนนำสุขภาพ ( หมอครอบครัว)
- เครื่องมือและสำรวจการเก็บข้อมูล กลุ่มเป้าหมาย ในเขตที่รับผิดชอบ
- ฝึกทักษะการฟัง การเขียน การพูด
- ทักษะ การประเมินการเจ็บป่วย และการเยี่ยมบ้าน
- สรุป วิเคราะห์ ประเมินผล
3.สำรวจข้อมูลรายครัวเรือนกลุ่มเป้าหมาย โดยหมอประจำครอบครัว เพื่อจัดทำฐานข้อมูล Community Folder ทำแผนที่เดินดินและ บันทึกลง โปรแกรม Hcis พร้อมกับ แนะนำตัว“หมอประจำครอบครัว” หลักสูตร 2 วัน
4.ประชุมเชิงปฏิบัติการฯเพื่อสรุปวิเคราะห์ข้อมูล แยกกลุ่ม WECANDO ( วัยทำงาน,วัยรุ่น,วัยเรียน,วัยเด็ก,แม่และทารก,กลุ่มโรคเรื้อรัง ( DM/HT) ผู้พิการและผู้สูงอายุ ) ตามหมู่บ้านที่รับผิดชอบ หลักสูตร 1 วัน
- สรุป วิเคราะห์ข้อมูล จัดทำแฟ้มครอบครัว
- จัดกลุ่มเป้าหมายและวางแผนการดูแลร่วมกัน ได้แก่
1) กลุ่มดูแล หรือพึ่งตนเองได้ดี ให้ หมอครอบครัว ออก เยี่ยมบ้าน และให้ญาติ ดูแล
2) กลุ่มดูแล หรือพึ่งตนเองได้บ้าง ให้ หมอครอบครัว ออกเยี่ยมบ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่
3)กลุ่มดูแลหรือพึ่งตนเองไม่ได้เลยต้องอาศัยคนอื่นให้หมอครอบครัวออกเยี่ยมพร้อมกับ
เจ้าหน้าที่ และ คณะกรรมการ รพ.สต. ทุกราย
-การวิเคราะห์ชุมชน ปัญหาสุขภาพรายบุคคล ครอบครัว หมู่บ้านและตำบล เพื่อจัดทำแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ
5.หมอครอบครัว (แกนนำสุขภาพ ) ออกเยี่ยมบ้านตามแผน โดยเยี่ยมรายกลุ่มและรายบุคคลโดยหมอครอบครัว (แกนนำสุขภาพ ) ร่วมกับ ญาติ ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง เยี่ยมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ผู้ป่วยติดเตียง พิการและจิตเวช ผู้สูงอายุ และอื่นๆที่สมควรรับการเยี่ยม อย่างน้อย รายละ 2 ครั้ง / ปี หรือตามความเหมาะสม
6. ติดตามประเมินผล สรุปและจัดทำรายงานผลการดำเนินงานโครงการ
๑. ผู้ป่วยและผู้พิการในชุมชนมีความรู้และมีกำลังใจในการดูแลสุขภาพของตนเอง ๒. หมอครอบครัวสามารถดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้พิการในชุมชนได้ ๓. ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของประชาชน ๔. อัตราความรุนแรงของโรคลดลง อัตราความพิการลดลง

1.ประชุมชี้แจงและจัดทำแผนงานโครงการ
2.จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ พัฒนาศักยภาพ แกนนำสุขภาพ เป็น หมอครอบครัว การจัดการสุขภาพและเยี่ยมบ้าน โดยมีเนื้อหาการอบรมดังนี้
- ชี้แจงวัตถุประสงค์
- กำหนดบทบาทหน้าที่ร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับ แกนนำสุขภาพ ( หมอครอบครัว)
- เครื่องมือและสำรวจการเก็บข้อมูล กลุ่มเป้าหมาย ในเขตที่รับผิดชอบ
- ฝึกทักษะการฟัง การเขียน การพูด
- ทักษะ การประเมินการเจ็บป่วย และการเยี่ยมบ้าน
- สรุป วิเคราะห์ ประเมินผล
3.สำรวจข้อมูลรายครัวเรือนกลุ่มเป้าหมาย โดยหมอประจำครอบครัว เพื่อจัดทำฐานข้อมูล Community Folder ทำแผนที่เดินดินและ บันทึกลง โปรแกรม Hcis พร้อมกับ แนะนำตัว“หมอประจำครอบครัว” หลักสูตร 2 วัน
4.ประชุมเชิงปฏิบัติการฯเพื่อสรุปวิเคราะห์ข้อมูล แยกกลุ่ม WECANDO ( วัยทำงาน,วัยรุ่น,วัยเรียน,วัยเด็ก,แม่และทารก,กลุ่มโรคเรื้อรัง ( DM/HT) ผู้พิการและผู้สูงอายุ ) ตามหมู่บ้านที่รับผิดชอบ หลักสูตร 1 วัน
- สรุป วิเคราะห์ข้อมูล จัดทำแฟ้มครอบครัว
- จัดกลุ่มเป้าหมายและวางแผนการดูแลร่วมกัน ได้แก่
1) กลุ่มดูแล หรือพึ่งตนเองได้ดี ให้ หมอครอบครัว ออก เยี่ยมบ้าน และให้ญาติ ดูแล
2) กลุ่มดูแล หรือพึ่งตนเองได้บ้าง ให้ หมอครอบครัว ออกเยี่ยมบ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่
3)กลุ่มดูแลหรือพึ่งตนเองไม่ได้เลยต้องอาศัยคนอื่นให้หมอครอบครัวออกเยี่ยมพร้อมกับ
เจ้าหน้าที่ และ คณะกรรมการ รพ.สต. ทุกราย
-การวิเคราะห์ชุมชน ปัญหาสุขภาพรายบุคคล ครอบครัว หมู่บ้านและตำบล เพื่อจัดทำแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ
5.หมอครอบครัว (แกนนำสุขภาพ ) ออกเยี่ยมบ้านตามแผน โดยเยี่ยมรายกลุ่มและรายบุคคลโดยหมอครอบครัว (แกนนำสุขภาพ ) ร่วมกับ ญาติ ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยง เยี่ยมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ผู้ป่วยเรื้อรังที่ต้องดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ผู้ป่วยติดเตียง พิการและจิตเวช ผู้สูงอายุ และอื่นๆที่สมควรรับการเยี่ยม อย่างน้อย รายละ 2 ครั้ง / ปี หรือตามความเหมาะสม
6. ติดตามประเมินผล สรุปและจัดทำรายงานผลการดำเนินงานโครงการ
๑. ผู้ป่วยและผู้พิการในชุมชนมีความรู้และมีกำลังใจในการดูแลสุขภาพของตนเอง ๒. หมอครอบครัวสามารถดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้พิการในชุมชนได้ ๓. ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของประชาชน ๔. อัตราความรุนแรงของโรคลดลง อัตราความพิการลดลง