รู้เร็ว เข้าใจ ห่างไกลสมองเสื่อม
ชื่อโครงการ | รู้เร็ว เข้าใจ ห่างไกลสมองเสื่อม |
รหัสโครงการ | 62-L5251-1-07 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีประชาเขต |
วันที่อนุมัติ | 21 กุมภาพันธ์ 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | - 31 พฤษภาคม 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 พฤษภาคม 2562 |
งบประมาณ | 10,500.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวกิ่งกนก พึ่งนุสนธิ์ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.584,100.382place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ภาวะสมองเสื่อมคือกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติต่างๆที่มีผลกระทบต่อสมอง และมีความเปลี่ยนแปลงทั้งความคิด พฤติกรรม ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาเช่น ผู้สูงอายุหลงลืมไม่สามารถทำสิ่งที่เคยทำได้ มีปัญหาในการใช้ภาษา เช่น พูดไม่รู้เรื่อง หรือการพูดให้ผู้อื่นเข้าใจได้ยาก การวางของผิดที่ผิดทาง ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป เช่น ซึมเศร้าหรืออาจจะมีบุคลิกที่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ในรายที่รุนแรงมากๆอาจไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ แม้กระทั่งอาบน้ำหรือทำกิจวัตรประจำวันอย่างอื่น ทำให้ผู้ดูแลจำเป็นต้อง
ดูแลตลอดเวลา และผู้ดูแลเองอาจเกิดความเครียดขึ้นได้รวมถึงการขาดรายได้ในการทำงานอย่างอื่นอีกด้วย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสมองเสื่อมขึ้นเช่นความดันโลหิตสูง ไขมันในหลอดเลือดสูงและโรคเบาหวานเพราะเลือดแดงแข็งตัวไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้อย่างเพียงพอทำให้สมองฝ่อตัวลดลงและความสามารถถดถอยลงทั้งกระบวนการคิด ความจำและสติปัญญาเป็นต้น
ประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุตั้งแต่ปี ๒๕๔๘ โดยมีประชากรสูงอายุร้อยละ ๑๐.๔ หรือ ๗.๒ ล้านคน ในปี ๒๕๖๑ ปัจจุบันมีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ ๑๗.๕ หรือประมาณ ๑๑.๖ ล้านคน และในปี ๒๕๖๒ จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุมากกว่าประชากรวัยเด็ก ในอนาคตอันใกล้ ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นอีกมากประเทศไทยจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ในอีก ๓ ปีข้างหน้า คาดว่าในปี ๒๕๗๔ ประเทศจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด คือมีประชากรผู้สูงอายุ ร้อยละ ๒๘ (นพ.สมศักด์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข) และจำนวนผู้สูงอายุในจังหวัดสงขลามีทั้งหมด๑๘๖,๙๗๖คนมีภาวะสมองเสื่อมจำนวน๑,๖๘๕คน คิดเป็นร้อยละ๐.๙(ที่มา:ระบบสารสนเทศด้านข้อมูลสุขภาพจังหวัดสงขลาSIS) จากการศึกษาสำรวจประชากรผู้สูงอายุใน อำเภอสะเดา ตำบลสำนักขามในปี พ.ศ.๒๕๖๑ มีจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด ๘๖๐ คน พบจำนวนผู้สูงอายุที่มีภาวะเสี่ยงต่อสมองเสื่อม ๑๓๑ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๕.๒๕ (ที่มา:สำนักงานกระทวงสาธารณสุข อำเภอสะเดา ตำบลสำนักขาม,๒๕๖๑)
จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้สูงอายุมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้อัตราการเกิดภาวะสมองเสื่อมเพิ่มมากขึ้น ผู้จัดทำโครงการจึงเห็นถึงความสำคัญในการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในวัยสูงอายุโดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีประชาเขตได้ดูแลผู้สูงอายุภายใต้ชมรมผู้สูงอายุจำนวน 50 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนี้สามารถเป็นตัวแทนในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อมได้ จึงเป็นเหตุให้ผู้จัดทำ จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อผู้สูงอายุได้รู้ถึงวิธีการป้องกันตนเองและสามารถเผยแพร่ข้อมูลในการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้อย่างถูกต้องและยังสามารถพัฒนาโครงการนี้ต่อไปได้เรื่อยๆเช่นกัน
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ๑. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันภาวะสมองเสื่อม 1 ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุสามารถบอกความหมายของภาวะสมองเสื่อมและการป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ |
1.00 | |
2 | ๒. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุสามารถเผยแพร่และใช้ท่าบริหารสมองเสื่อมไปใช้เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม ๑. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ และสามารถปฏิบัติท่าบริหารสมองเสื่อมได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ๒. จากการสอบถามผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุสามารถนำท่าบริหารสมองเสื่อมกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ |
1.00 |
วิธีดำเนินการ (ออกแบบให้ละเอียด)
๑. ขั้นเตรียมการ
๑.๑ จัดทำแผนงานโครงการ
๑.๒ ประชาสัมพันธ์ให้เข้าร่วมโครงการ
๑.๓ ศึกษาข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับประชากรผู้สูงอายุและประชากรการคัดกรองภาวะสมองเสื่อม
๒. ขั้นดำเนินการ
โครงการนี้เป็นโครงการทางวิชาการ
๒.๑ อบรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวการป้องกันภาวะสมองเสื่อมแก่ผู้สูงอายุ
๒.๒ จัดกิจกรรมท่าบริหารสมองเกี่ยวกับการป้องกันภาวะสมองเสื่อมแก่ผู้สูงอายุ และเพิ่มเติมแนะนำท่าบริหารป้องกันข้อเข่าเสื่อมและการออกกำลังกายในผู้สูงอายุในแต่ละเดือน
๓. ขั้นสรุป
๓.๑ ติดตามเพื่อประเมินผลการปฏิบัติตัวในการใช้ท่าบริหารสมอง โดยการสุ่มจำนวนผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุประมาณ 5 คน ในแต่ละเดือน
๓.๒ อธิบายสรุปโครงการ
๑. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันภาวะสมองเสื่อม ๒. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติท่าบริหารสมองเสื่อมเพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อม
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 13:03 น.