ร่วมด้วยช่วยกันรักษ์ฟันของหนู ม.1 เทศบาลตำบลเทพา
ชื่อโครงการ | ร่วมด้วยช่วยกันรักษ์ฟันของหนู ม.1 เทศบาลตำบลเทพา |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลเทพา |
วันที่อนุมัติ | 29 พฤษภาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 10 มิถุนายน 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 ตุลาคม 2562 |
งบประมาณ | 12,475.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายแพทย์เดชา แซ่หลี |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.82,100.94place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 10 มิ.ย. 2562 | 30 ก.ย. 2562 | 10 มิ.ย. 2562 | 30 ก.ย. 2562 | 12,475.00 | |
รวมงบประมาณ | 12,475.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | 65 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สุขภาพฟันของเด็กมีความสัมพันธ์กับสุขภาพโดยรวมของเด็ก การมีสุขภาพฟันดี ฟันไม่ผุ ย่อมส่งผลดีในเรื่องการเคี้ยวอาหาร การพูด การยิ้มของเด็ก สิ่งเหล่านี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตนเองให้แก่เด็ก นอกจากนี้หากฟันน้ำนมหลุดไปตามวัยที่ควร จะทำให้ฟันแท้ขึ้นได้ตรง เด็กในช่วงปฐมวัยเป็นช่วงเวลาการพัฒนานิสัยในทุกๆด้าน ดังนั้นการส่งเสริมการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพช่องปากเด็กให้มีคุณภาพดีจึงมีความสำคัญยิ่ง เพื่อการบ่มเพาะสุขนิสัยการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้องแก่เด็กตั้งแต่วัยเริ่มแรกของชีวิต ซึ่งจะต้องพัฒนาเป็นแบบแผนพฤติกรรมทันตสุขภาพที่ดีต่อเนื่องถึงเติบใหญ่ และสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ การดูแลสุขภาพช่องปากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลตั้งแต่เด็กแรกคลอด เพราะหากเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่ การหลับคาขวด การไม่ดื่มน้ำตามหลังจากดื่มนมขวด การดื่มนมที่มีรสหวาน หากเด็กมีพฤติกรรมเหล่านี้ติดเป็นนิสัยจนกระทั่งฟันงอกก็อาจส่งผลให้เด็กฟันผุ ซึ่งโรคฟันผุในเด็กนับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอนามัยของเด็ก ซึ่งวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา และเป็นพื้นฐานของการสร้างพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณภาพในอนาคต ดังนั้นหากปล่อยให้เด็กมีสภาวะในช่องปากไม่ดี จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเด็กได้ โดยเมื่อโรคฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟันหรือเมื่อเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดความเจ็บปวด เคี้ยวอาหารไม่ได้ มีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร และสภาพจิตใจ เนื่องจากอาการปวดฟันจะทำให้เด็กเกิดความเครียดทางอารมณ์ หงุดหงิดง่าย มีความวิตกกังวล เสียบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจในการพูดคุย นอกจากนั้นยังจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและประเทศชาติด้วย เนื่องจากต้องเสียเวลาในการประกอบภารกิจการงาน ทำให้ขาดรายได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่มีมูลค่าสูงเริ่มแรกของชีวิต ซึ่งจะต้องพัฒนาเป็นแบบแผนพฤติกรรมทันตสุขภาพที่ดีต่อเนื่องถึงเติบใหญ่ และสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ การดูแลสุขภาพช่องปากมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลตั้งแต่เด็กแรกคลอด เพราะหากเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่ การหลับคาขวด การไม่ดื่มน้ำตามหลังจากดื่มนมขวด การดื่มนมที่มีรสหวาน หากเด็กมีพฤติกรรมเหล่านี้ติดเป็นนิสัยจนกระทั่งฟันงอกก็อาจส่งผลให้เด็กฟันผุ ซึ่งโรคฟันผุในเด็กนับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย ก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพอนามัยของเด็ก ซึ่งวัยนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในการเตรียมความพร้อมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา และเป็นพื้นฐานของการสร้างพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีคุณภาพในอนาคต ดังนั้นหากปล่อยให้เด็กมีสภาวะในช่องปากไม่ดี จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของเด็กได้ โดยเมื่อโรคฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟันหรือเมื่อเกิดการอักเสบ ทำให้เกิดความเจ็บปวด เคี้ยวอาหารไม่ได้ มีผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร และสภาพจิตใจ เนื่องจากอาการปวดฟันจะทำให้เด็กเกิดความเครียดทางอารมณ์ หงุดหงิดง่าย มีความวิตกกังวล เสียบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจในการพูดคุย นอกจากนั้นยังจะส่งผลกระทบต่อครอบครัวและประเทศชาติด้วย เนื่องจากต้องเสียเวลาในการประกอบภารกิจการงาน ทำให้ขาดรายได้ และต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาที่มีมูลค่าสูงจากผลการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 8 พ.ศ. 2560 พบว่า เด็กอายุ 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่มีฟันน้ำนมครบ 20 ซี่ในช่องปาก มีความชุกในการเกิดโรคฟันผุในฟันน้ำนม ร้อยละ 52.9 สำหรับอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา จากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปาก ในปี พ.ศ. 2561 พบว่า มีโรคฟันผุในเด็กอายุ 18 เดือน ร้อยละ 6.8 และเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นร้อยละ 58.3 ในเด็กอายุ 3 ปี ซึ่งพบว่ายังมีฟันผุอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับในระดับประเทศและในระดับจังหวัดสงขลา และจากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากในเขตคลินิกเวชปฏิบัติครอบครัวและชุมชน ศูนย์ 1ในปี 2561 พบว่าเด็กอายุ 18 เดือน มีฟันผุร้อยละ 5.0 และมีฟันผุระยะเริ่มแรก ร้อยละ 30 นอกจากนี้พบว่า เด็กมีการดื่มนมเปรี้ยว นมหวานร้อยละ 70 ใช้ขวดนมร้อยละ 62.5 กินขนมที่มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบร้อยละ 87.5 และพบว่ามีเด็กเพียงร้อยละ 70 ที่ได้รับการแปรงฟันก่อนนอน และร้อยละ 65 ได้รับการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งต่อวัน และเมื่อสำรวจสภาวะช่องปากของเด็ก ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตำบลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 จากการสำรวจในเด็กจำนวน 373 คน พบมีฟันน้ำนมผุ 283 คน คิดเป็นร้อยฟละ 75.87 ซึ่งจะเห็นได้ว่าเด็กในศพด.มีฟันผุเพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเปรียบเทียบจากเด็ก 18 เดือน สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากพฤติกรรมการทำความสะอาดช่องปากและการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมของเด็ก
ดังนั้น ผู้ที่มีส่วนสำคัญที่จะทำให้การดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กเป็นไปได้ด้วยดีอย่างต่อเนื่องก็คือ สถาบันครอบครัวซึ่งเป็นส่วนสำคัญของปัญหาพฤติกรรมสุขภาพด่านแรก ในขณะเดียวกันก็มีอิทธิพลต่อการบริโภคของเด็ก ๆ ดังนั้น กลุ่มงาน
ทันตกรรม โรงพยาบาลเทพา จึงได้จัดทำโครงการร่วมด้วยช่วยกันรักษ์ฟันของหนู ม.1 เทศบาลตำบลเทพา โดยให้ผู้ปกครองที่เลี้ยงดูเด็กมีส่วนร่วมในการดูแลเด็กให้มากที่สุด มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. เป็นผู้สนับสนุนและผลักดันให้เกิดพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง และจะเป็นส่วนช่วยให้เกิดความเข้มแข็งในประเด็นสุขภาพอื่น ๆ ต่อไปด้วย เพื่อเป้าหมายที่สำคัญคือการลดโรคฟันผุในเด็กเล็ก และนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งของเด็กและผู้ปกครอง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้ปกครองเด็ก 0-2 ปี มีความรู้ที่ถูกต้องและสามารถแปรงฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
80.00 | |
2 | . เพื่อให้เด็ก 0-2 ปี ที่ฟันขึ้นแล้วได้รับการทาฟลูออไรด์วานิช เด็ก0-2ปีที่ฟันขึ้นแล้วได้รับการทาฟลูออไรด์วานิช |
70.00 | |
3 | เพื่อลดการเกิดโรคฟันผุระยะเริ่มแรกในเด็ก 0-2 ปี สภาวะโรคฟันผุระยะเริ่มแรกในเด็ก 0-2 ปี |
20.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 130 | 12,475.00 | 8 | 12,475.00 | |
1 - 30 มิ.ย. 62 | ประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอสม. รับสมัครอสม.พี่เลี้ยงแต่ละหมู่บ้าน | 0 | 500.00 | ✔ | 500.00 | |
1 - 30 มิ.ย. 62 | ประชุม อสม. พี่เลี้ยง เพื่อให้ความรู้การดูแลสุขภาพช่องปากและฝึกการแปรงฟันในเด็ก 0-2 ปี และร่วมกันกำหนด บทบาท อสม.พี่เลี้ยง | 0 | 400.00 | ✔ | 400.00 | |
1 - 23 มิ.ย. 62 | ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มผู้ปกครองเด็ก 0-2 ปี | 0 | 5,825.00 | ✔ | 5,825.00 | |
1 มิ.ย. 62 - 30 ก.ย. 62 | - ทันตบุคลากร และอสม. เยี่ยมบ้านเพื่อฝึกการทำความสะอาดช่องปากเด็ก ตรวจช่องปากเด็ก และทาฟลูออไรด์วานิชในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ได้มาร่วมกิจกรรม | 65 | 2,250.00 | ✔ | 2,250.00 | |
1 มิ.ย. 62 - 30 ก.ย. 62 | ประเมินและติดตามผลการดำเนินงาน | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
1 - 30 ก.ย. 62 | - มอบรางวัลแก่เด็กและผู้ปกครองที่มาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องติดตาม | 0 | 3,000.00 | ✔ | 3,000.00 | |
12 ก.ย. 62 - 11 ต.ค. 62 | ประเมินและติดตามผลการดำเนินงาน | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
20 ก.ย. 62 | สรุปผลการดำเนินงาน | 65 | 500.00 | ✔ | 500.00 |
- ประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุข/อสม. และรับสมัคร อสม. พี่เลี้ยง
- ประชุม อสม. พี่เลี้ยง เพื่อให้ความรู้การดูแลสุขภาพช่องปากและฝึกการแปรงฟันในเด็ก 0-2 ปี และร่วมกันกำหนด บทบาท อสม.พี่เลี้ยง
2.1 สำรวจรายชื่อจำนวนเด็กที่อยู่ในพื้นที่ในเขตรับผิดชอบของ อสม. แต่ละคน
2.2 อสม.ร่วมทำกิจกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็ก 0-2 ปี ร่วมกับทันตบุคลากร
3. ประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มผู้ปกครองเด็ก 0-2 ปี
3.1 แจ้งสถานการณ์การเกิดฟันผุของเด็กในเขตเทศบาลตำบลเทพา และให้ผู้ปกครองร่วมแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่อไปนี้
- คุณคิดว่าฟันน้ำนมสำคัญอย่างไร จำเป็นต้องดูแลแค่ไหน
- ตอนนี้เลี้ยงลูกทำอะไรให้กับลูกบ้าง ดูแลช่องปากอย่างไร
3.2 ฝึกปฏิบัติทำความสะอาดช่องปากเด็ก
- ฝึกทักษะการทำความสะอาดช่องเด็ก (ฝึกเช็ดช่องปากเด็กและฝึกแปรงฟันถูกวิธี)
- ฝึกตรวจฟันเด็กโดยการตรวจความสะอาดและตรวจฟันผุ
4. ทันตบุคลากรให้บริการทาฟลูออไรด์วานิชในเด็กที่มีฟันขึ้นแล้วทุก 3 เดือน 5. ทันตบุคลากร และอสม. เยี่ยมบ้านเพื่อฝึกการทำความสะอาดช่องปากเด็ก ตรวจช่องปากเด็ก และทาฟลูออไรด์วานิชในกรณีผู้ปกครองไม่ได้มาร่วมกิจกรรม
6. มอบรางวัลแก่เด็กและผู้ปกครองที่มาเข้าร่วมกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องติดตาม 7. ประเมินและติดตามผลการดำเนินงาน
8. สรุปผลการดำเนินงาน
- เกิดการเรียนรู้และทักษะในการดูแลช่องปากทั้งผู้ปกครองและลูก สามารถป้องกันโรคฟันผุได้ ลดต้นทุนภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
2. เกิดเครือข่ายการสร้างเสริมสุขภาพในการดูแลทันตสุขภาพ
3. เป็นแนวทางในการวางแผนทันตสาธารณสุขในเด็ก 0-2 ปี
4. ฟันผุของเด็กอายุ 3 ปี ลดลง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2562 09:15 น.