โครงการเกษตรกรปลอดภัย ผู้บริโภคปลอดภัย ปีงบประมาณ 2562
ชื่อโครงการ | โครงการเกษตรกรปลอดภัย ผู้บริโภคปลอดภัย ปีงบประมาณ 2562 |
รหัสโครงการ | 62-L5171-1-14 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง |
วันที่อนุมัติ | 6 มิถุนายน 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 6 มิถุนายน 2562 - 30 กันยายน 2562 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2562 |
งบประมาณ | 6,775.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวโสภิดา ไม่จน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบางเหรียง อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.112,100.364place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช (Pesticides) เข้ามามีบทบาทและใช้ในการเกษตรอย่างกว้างขวาง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน คือ ข้อมูลปริมาณการนำเข้าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2540 – 2553 มีการนำเข้าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมากถึง 120,000 ตัน โดยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีการใช้มากที่สุด ได้แก่ สารกำจัดศัตรูวัชพืช ร้อยละ 74 สารกำจัดแมลง ร้อยละ 14 สารกำจัดหลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
ปัจจุบันสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช (Pesticides) เข้ามามีบทบาทและใช้ในการเกษตรอย่างกว้างขวาง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่จะสะท้อนให้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน คือ ข้อมูลปริมาณการนำเข้าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี จากข้อมูลของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2540 – 2553 มีการนำเข้าสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมากถึง 120,000 ตัน โดยสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีการใช้มากที่สุด ได้แก่ สารกำจัดศัตรูวัชพืช ร้อยละ 74 สารกำจัดแมลง ร้อยละ 14 สารกำจัดโรคพืช ร้อยละ 9 และอื่นๆร้อยละ 3
แนวโน้มการนำสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชมาใช้ยังคงมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าสารเคมีดังกล่าวจะมีหลักฐานและข้อมูลทางวิชาการแสดงถึงความเป็นพิษต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน และทุกคนมีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีโดยตรง หรือกลุ่มผู้บริโภคพืชผักที่มีสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตกค้างในพืชผัก ซึ่งส่วนใหญ่มีผลต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง การแก้ไขปัญหาและการควบคุมการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพื่อคุ้มครองสุขภาพทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค เป็นบทบาทที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการลดปริมาณการใช้ และการเฝ้าระวังการได้รับพิษจากสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช เป็นสิ่งสำคัญที่ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ในการนำข้อมูลไปให้ความรู้แก่กลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป
จากการเฝ้าระวังโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักระบาดวิทยา พบว่าระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2555 มีรายงานผู้ป่วยได้รับสารพิษจากสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ทั้งสิ้น 17,340 ราย มีรายงานเฉลี่ยปีละ 1,734 ราย อัตราป่วย 2.35 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งนอกจากจะพบรายงานมากในกลุ่มเกษตรกรแล้ว ยังพบการรายงานการได้รับพิษในเด็กเล็ก ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการใช้อย่างไม่ระมัดระวัง เช่น การเก็บในที่ไม่ปลอดภัย การทิ้งภาชนะบรรจุไม่ถูกวิธี หรือการนำกลับมาใช้ใหม่ เป็นต้น ในปีงบประมาณ 2559 มีเกษตรกรที่ได้รับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงด้วยกระดาษ Reactive paper จำนวนทั้งสิ้น 418,672 คน พบผู้ที่ผลเลือดมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จำนวน 153,905 คน คิดเป็นร้อยละ 36.76
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง มีการดำเนินงานดูแลสุขภาพเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรมีความตระหนักถึงโอกาสเสี่ยงในการได้รับอันตรายจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและการป้องกันตนเอง จากการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการตรวจคัดกรองความเสี่ยงเกษตรกรโดยการเจาะเลือดหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส จำนวน 100 คน ผลเลือดมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย จำนวน 58 คน คิดเป็นร้อยละ 58.00 และได้เจาะเลือดซ้ำในครั้งที่ 2 หลังจากให้ความรู้และแนะนำการใช้สมุนไพรล้างพิษเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ผลปรากฏว่าผลเลือดมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยลดลงจาก 58 คน เหลือเพียง 35 คน เมื่อสิ้นสุดโครงการ จึงควรมีการเฝ้าระวังและดำเนินงานให้เกษตรกรได้ดูแลสุขภาพตนเองร่วมกับบุคลากรสาธารณสุขต่อไป ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางเหรียง จึงได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | ที่ 1 เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคมีความรู้ในการ ป้องกันตนเองจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร
|
0.00 | |
2 | 2 เพื่อให้เกษตรกรและผู้บริโภคได้รับการตรวจคัด กรองสุขภาพและประเมินความเสี่ยงจากการสัมผัสสารเคมี ที่ใช้ในการเกษตร
|
0.00 | |
3 | 3 เพื่อให้เครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่มี ความรู้เรื่องการป้องกันตนเองจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร
|
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 275 | 6,675.00 | 0 | 0.00 | |
15 พ.ค. 63 | 1. สำรวจข้อมูลเกษตรกรในพื้นที่ 1.1 สำรวจและจัดทำข้อมูลเกษตรกรผู้ใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชในพื้นที่ | 275 | 0.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2. การประเมินความเสี่ยงในกลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภค 2.1 จัดทำหนังสือเชิญเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 2.2 ประชาสัมพันธ์ข่าวสารแก่ผู้สนใจ เช่น กลุ่มผู้บริโภคผัก ผลไม้ กลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกที่มีการฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช | 0 | 4,000.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.3 ประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ตามแบบ นบก. 1-56 | 0 | 0.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.4 ตรวจเลือดเพื่อหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส | 0 | 400.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.5 ให้ความรู้แก่กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคที่เข้ารับการตรวจประเมินความเสี่ยง เรื่องการป้องกันตนเองจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร และการใช้สมุนไพรล้างพิษ โดยจัดเป็นกลุ่มย่อย | 0 | 400.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.6 จัดทำหนังสือแจ้งผลการตรวจเลือดหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส โดยจัดส่งผ่าน อสม.ในพื้นที่ | 0 | 0.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 2.7 ติดตามกลุ่มผู้มีความเสี่ยง เพื่อเข้ารับการตรวจซ้ำ โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน | 0 | 0.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 3. การเผยแพร่ความรู้และสร้างกลุ่มแกนนำ 3.1 จัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้มีความรู้ในการถ่ายทอดไปยังกลุ่มเกษตรกร และผู้สนใจ | 0 | 1,875.00 | - | ||
15 พ.ค. 63 | 3.2 ประชาสัมพันธ์ข่าวสารความรู้ผ่านใบปลิว | 0 | 0.00 | - |
กิจกรรมที่ 1 สำรวจข้อมูลเกษตรกรในพื้นที่ 1.1 สำรวจและจัดทำข้อมูลเกษตรกรผู้ใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชในพื้นที่ กิจกรรมที่ 2 การประเมินความเสี่ยงในกลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภค 2.1 จัดทำหนังสือเชิญเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 2.2 ประชาสัมพันธ์ข่าวสารแก่ผู้สนใจ เช่น กลุ่มผู้บริโภคผัก ผลไม้ กลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกที่มีการฉีดพ่นสารกำจัดศัตรูพืช 2.3 ประเมินความเสี่ยงในการทำงานของเกษตรกรจากการสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ตามแบบ นบก. 1-56 2.4 ตรวจเลือดเพื่อหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส 2.5 ให้ความรู้แก่กลุ่มเกษตรกรและผู้บริโภคที่เข้ารับการตรวจประเมินความเสี่ยง เรื่องการป้องกันตนเองจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร และการใช้สมุนไพรล้างพิษ โดยจัดเป็นกลุ่มย่อย 2.6 จัดทำหนังสือแจ้งผลการตรวจเลือดหาระดับเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส โดยจัดส่งผ่าน อสม.ในพื้นที่ 2.7 ติดตามกลุ่มผู้มีความเสี่ยง เพื่อเข้ารับการตรวจซ้ำ โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน กิจกรรมที่ 3 การเผยแพร่ความรู้และสร้างกลุ่มแกนนำ 3.1 จัดอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้มีความรู้ในการถ่ายทอดไปยังกลุ่มเกษตรกร และผู้สนใจ 3.2 ประชาสัมพันธ์ข่าวสารความรู้ผ่านใบปลิว
- เกษตรและผู้บริโภคมีความรู้ในการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
- อาสาสมัครมีความรู้ในการป้องกันตนเองจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชและสามารถส่งต่อความรู้ให้บุคคลอื่นได้
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2562 18:56 น.