กลุ่มผู้สูงอายุมักเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ สูง โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคกระดูกพรุน ข้อเข่าเสื่อม โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคความจำเสื่อม ฯลฯ โดยส่วนใหญ่มักพบว่าผู้สูงอายุมีโรคประจำตัวเรื้อรังมากกว่า 1 โรคขึ้นไป สำหรับปัญหาสุขภาพของชมรมผู้สูงอายุตำบลกำแพง มีสมาชิกในชมรม จำนวน 324 คน พบว่า มีปัญหาสุขภาพข้อเข่าเสื่อม ร้อยละ 46.30 โรคเบาหวาน 31.20 โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 76.50 เป็นต้น และจากการสุ่มสอบถามผู้สูงอายุ จำนวน 60 คน พบว่า ร้อยละ 92 ขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเอง ขาดการออกกำลังกาย ไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเรื่องการบริโภคอาหาร ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุ ที่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง รับประทานโปรตีนจำพวกปลา รับประทานผักและผลไม้มากขึ้น อาหารควรเป็นอาหารสด สะอาดและไม่ใส่สารกันบูด ดังนั้น ผู้สูงอายุจึงควรให้ความสนใจดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงมีคุณภาพชีวิตที่ดี ป้องกันการเกิดโรคต่างๆ รวมทั้งฟื้นฟูสุขภาพเมื่อมีภาวะของโรค และควบคุมให้ภาวะของโรคเหล่านั้นมีอาการคงที่ไม่กำเริบรุนแรง หรือเสื่อมถอยมากกว่าเดิม โดยการศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.) แกนนำผู้สูงอายุมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น 2.) แกนนำผู้สูงอายุมีการพบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ รวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้มีสุขภาพกายและใจดีขึ้น 3.) แกนนำผู้สูงอายุร่วมกันออกกำลังกายกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน
กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของแกนนำผู้สูงอายุ
1.1 ตรวจประเมินสุขภาพเบื้องต้นให้กับแกนนำผู้สูงอายุก่อนการอบรมเชิงปฏิบัติการ จำนวน 60 คน โดยได้ออกแบบสมุดบันทึกสุขภาพผู้สูงอายุ ส่วนที่ 1 ข้อมูลส่วนตัวของผู้สูงอายุ ผู้เข้าร่วมอบรม มีอายุระหว่าง 58 – ¬80 ปี เพศชาย 16 คน เพศหญิง 44 คน โรคประจำตัวที่พบ คือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนที่ 2 ข้อมูลสุขภาพมีการชั่งน้ำหนัก การวัดส่วนสูง ค่าดัชนีมวลกาย(BMI) ค่าความดันโลหิต อัตราการเต้นหัวใจ แกนนำผู้สูงอายุ ร้อยละ 90 มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้องและเหมาะสมตามวัย ตามอัตภาพ จากการประเมินผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 60 คน โดยแบ่งเป็นเพศหญิง จำนวน 44 คน ก่อนการอบรมน้ำหนักเฉลี่ย 59.28 กิโลกรัม หลังการอบรมน้ำหนักเฉลี่ย 58.68 กิโลกรัม น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 0.91 กิโลกรัม เพศชาย จำนวน 16 คน ก่อนอบรมมีน้ำหนักเฉลี่ย 62.07 กิโลกรัม หลังอบรมมีน้ำหนักเฉลี่ย 60.72 กิโลกรัม น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 1.35 กิโลกรัม ส่วนสูงเพศหญิงเฉลี่ย 151.84 เซนติเมตร เพศชายส่วนสูงเฉลี่ย 161.31 เซนติเมตร ก่อนการอบรมเพศหญิงค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 45.4 หลังการอบรมค่าดัชนี มวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 52.27 ก่อนและหลังการอบรมเพศชายค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติร้อยละ 56.25 ความดันโลหิต ผู้ร่วมอบรม 60 คน อยู่ในระดับปกติและเริ่มสูงร้อยละ 48.33 อยู่ในระดับสูงและสูงมาก 51.67 เนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน อัตราการเต้นของหัวใจปกติ จำนวน 58 คน ระดับผิดปกติจำนวน 2 คน เนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ
1.2 อบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของแกนนำผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (สมาร์ทโฟน) ในการสื่อสาร การรายงานกิจกรรม การแนะนำการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ การคลายเครียด จากการประเมินผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยใช้แบบประเมินก่อน – หลังอบรม พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ก่อนการอบรมเพียง ร้อยละ 38.33 และ ผลการประเมินหลังการอบรม ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 88.33 และสามารถบอกถึงประโยชน์และความสำคัญการใช้สมาร์ทโฟน เพื่อติดต่อสื่อสารได้อย่างเหมาะสม นำแนวทางการปฏิบัติตนการดูแลสุขภาพและการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
1.3 อบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของแกนนำผู้สูงอายุ ครั้งที่ 2 เรื่องการบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ และโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ จากการประเมินผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยใช้แบบประเมินก่อน – หลังอบรม พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ก่อนการอบรมเพียงร้อยละ 63.33 และผลการประเมินหลังการอบรม ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90 และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการการบริโภคอาหารที่เหมาะสมกับวัย สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเกี่ยวกับอาการเบื้องต้นของโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
1.4 อบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของแกนนำผู้สูงอายุ ครั้งที่ 3 การดูแลสุขภาพช่องปาก สุขอนามัยในผู้สูงอายุ การป้องกันอุบัติเหตุในผู้สูงอายุ การใช้ยาในผู้สูงอายุ จากการประเมินผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยใช้แบบประเมินก่อน – หลังอบรม พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ก่อนการอบรมเพียงร้อยละ 75 และผลการประเมินหลังการอบรม ผู้เข้าร่วมอบรม มีความรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 93.33 ผู้สูงอายุมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก สุขอนามัย และการกินยาได้อย่างถูกต้องและถูกวิธีมากยิ่งขึ้น
1.5 อบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของแกนนำผู้สูงอายุ ครั้งที่ 4 การส่งเสริมสุขภาพด้านอารมณ์ความเครียดการผ่อนคลายความเครียดและสุขภาพจิตกับผู้สูงอายุ จากการประเมินผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยใช้แบบประเมินก่อน – หลังอบรม พบว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้ก่อนการอบรมเพียงร้อยละ 73.33 และผลการประเมินหลังการอบรม ผู้เข้าร่วมอบรมมีความรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 100 และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจัดการความเครียดที่เหมาะสมและเพียงพอ ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีและสุขภาพกายที่ปลอดโรค
การส่งเสริมกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมให้กับผู้สูงอายุโดยใช้เพลงหรือดนตรีประกอบการออกกำลังกาย
แกนนำผู้สูงอายุออกกำลังกายโดยการเต้นบาสโลบ อย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ ครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที ในช่วงเวลา 16.30 – 17.30 น. ผู้สูงอายุเข้าร่วมกิจกรรมร้อยละ 50 เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายมีโรคประจำตัวไม่สามารถเข้าร่วมออกกำลังกายได้ และบ้านของผู้สูงอายุอยู่ไกลจาก อบต.กำแพง ไม่สามารถเดินทางมาได้ด้วยตัวเอง ต้องให้บุตรหลานคอยรับ - ส่งทำให้มาออกกำลังกายไม่ครบทั้ง 3 วัน จึงแนะนำให้ผู้สูงอายุที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายที่ อบต.กำแพง ให้ออกกำลังกายตามความเหมาะสมหรือตามแพทย์สั่งที่บ้าน