เฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ในพื้นที่หมู่ที่ 3,6,12 และหมู่ที่ 13 ตำบลชัยบุรี
ชื่อโครงการ | เฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ในพื้นที่หมู่ที่ 3,6,12 และหมู่ที่ 13 ตำบลชัยบุรี |
รหัสโครงการ | 63-L3352-1-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต. บ้านมะกอกใต้ |
วันที่อนุมัติ | 28 มกราคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มีนาคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 ตุลาคม 2563 |
งบประมาณ | 13,518.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายนิติธาน ณ พัทลุง |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.697,100.093place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 200 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ประเทศไทยจัดเป็นประเทศเกษตรกรรมประเทศหนึ่ง ที่สามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรสำหรับบริโภคภายในประเทศได้อย่างพอเพียง อีกทั้งยังมีผลผลิตส่งเป็นสินค้าออก นำเงินรายได้เข้ามาเพื่อพัฒนาประเทศในแต่ละปีคิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จึงทำให้เกษตรกรมาให้ความสนใจเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีการเพิ่มผลผลิตที่เกษตรกรนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุด คือ การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงอันตรายและวิธีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกต้องและปลอดภัย การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างฉีดพ่นสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ประกอบกับศัตรูพืชมีการดื้อยา จึงมีการใช้สารเคมีแรงขึ้น มีความเข้มข้นสูงขึ้น ใช้บ่อยครั้งมากขึ้น หรือผสมสารเคมี 2 ชนิดขึ้นไป ทำให้ผู้ใช้สารเคมีมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แนวโน้มสถานการณ์ปัญหาการป่วยด้วยพิษจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชจึงมีแนวโน้มที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนตำบลบ้านมะกอกใต้มากขึ้น อันตรายจากสารเคมีจะมีผลต่อร่างกายหลายอย่าง อาทิเช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และอื่นๆ ซึ่งส่งผลระยะยาวทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ
ตำบลชัยบุรีเป็นตำบลหนึ่งที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรมากถึงร้อยละ ๘๐ ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำนาปี นาปลัง ปลูกผัก ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืชจึงกระจายและขยายเป็นวงกว้างและยังอยู่ในระดับที่รุนแรงและสูงอยู่จากข้อมูลดังกล่าวแสดงว่าเกษตรกรในเขตตำบลชัยบุรียังคงมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในการนำมาใช้นั้นได้มีการใช้อย่างไม่ถูกวิธีและขาดความรู้จึงทำให้มีผลกระทบกับสุขภาพโดยตรง
จากการดำเนินโครงการเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ปี 2562 มีประชาชนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด จำนวน ๒๐2 คน ผลการตรวจพบว่า ไม่มีสารเคมีตกค้างในเลือดระดับปกติ 27 คน ร้อยละ 13.36 ,ระดับปลอดภัย 141 คน ร้อยละ 69.80,มีความเสี่ยง ๒9 คนร้อยละ 14.36 และมีสารเคมีตกค้างในเลือดระดับที่เป็นอันตราย 5 คน ร้อยละ 2.47 และคนที่มีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัย ได้รับการตรวจซ้ำเพื่อหาสารเคมีในเลือดครั้งที่ 2 พบว่า ปกติ 4 คน,ปลอดภัย ๒0 คน,มีความเสี่ยง 4 คน,ไม่ปลอดภัย – คน
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านมะกอกใต้ จึงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพเกษตรกรในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในเกษตรกร ต่อเนื่องในปี ๒๕63 ในพื้นที่หมู่ที่ ๓,๖,๑๒ และหมู่ที่ ๑๓ ขึ้นเพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่รับผิดชอบได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือด เพื่อเฝ้าระวังสารเคมีตกค้างในกระแสเลือด และเฝ้าระวังภาวะสุขภาพต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1. เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมการใช้สารเคมีที่ปลอดภัย กลุ่มเป้าหมายได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมฯร้อยละ 90 |
0.00 | |
2 | 2.เพื่อให้เกษตรกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ทดสอบความรู้ก่อนและหลังการอบรม มีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 |
0.00 | |
3 | 3 เพื่อให้เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด กลุ่มเป้าหมาย ได้รับการตรวจฯ 200 คน และกลุ่มเสี่ยงมีระดับสารเคมีตกค้างในเลือดอยู่ในระดับปกติและปลอดภัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 200 | 13,518.00 | 5 | 13,518.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 1.ค่าวัสดุการตรวจคลอลีนเอสเตอเรสในเลือด ขอรับการสนับสนุน จาก สสอ.เมืองพัทลุง รพ.พัทลุง | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 2.ค่าเข็มเจาะปลายนิ้วกลุ่มเป้าหมาย | 200 | 800.00 | ✔ | 800.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 3.ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม สำหรับการอบรมกลุ่มเป้าหมาย | 0 | 5,000.00 | ✔ | 5,000.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 4.ค่าสมนาคุณวิทยากรในการอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมาย | 0 | 7,200.00 | ✔ | 7,200.00 | |
1 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | 5.ป้ายไวนิลโครงการ | 0 | 518.00 | ✔ | 518.00 |
1.เสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ 2.สำรวจพฤติกรรมการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและประเมินผล 3.ประชาสัมพันธ์โครงการ 4.จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ 5.ดำเนินการเจาะเลือดตรวจหาสารเคมีตกค้างในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเป้าหมาย 6.จัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงและการป้องกันการใช้สารเคมีที่ปลอดภัย 7.ติดตามเจาะเลือดสารเคมีตกค้างในกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มเป้าหมายที่ผลอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัย 8. สรุปผลการดำเนินโครงการ และรายงานผลให้กองทุนฯ ทราบ
๑. เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายได้รับการเจาะเลือดตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด ๒. เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับสารเคมีในเลือดระดับไม่ปลอดภัย ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมร้อยละ ๙๐ ๓. เกษตรกรกลุ่มเสี่ยงมีระดับสารเคมีในเลือดระดับเกณฑ์ปกติและปลอดภัยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ ๔.ประชาชนมีความตระหนักในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอย่างปลอดภัยลดการเจ็บป่วยที่เกิดจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2563 11:48 น.