โครงการเกษตรกรปลอดโรค ประชาชนปลอดภัย
ชื่อโครงการ | โครงการเกษตรกรปลอดโรค ประชาชนปลอดภัย |
รหัสโครงการ | 63-L5222-1-04 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านขาว |
วันที่อนุมัติ | 24 กุมภาพันธ์ 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 2 มีนาคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 22,700.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสมศรี คงไข่ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 7.761,100.247place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ทั้งมนุษย์ และสัตว์ กล่าวคือ จะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมอง ผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆ ขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำจุดยืนยุติการใช้ 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร 3 ชนิด ตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อ 22 ตุลาคม 2562 ชี้มีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน พร้อมประกาศให้ “ปี 2563 เป็นปีแห่งเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรปลอดโรค ประชาชนปลอดภัย” เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารปลอดภัย ความห่วงใยของกระทรวงสาธารณสุขกรณี 3 สารเคมีอันตรายทางการเกษตร” ได้แก่ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอไพริฟอส กระทรวงสาธารณสุขมีหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชน สารเคมีที่ใช้ไม่ได้เกิดอันตรายเฉพาะตัวเกษตรกรผู้ใช้ที่เกิดจากการสัมผัส แต่ยังส่งผลต่อเนื่องไปยังผู้บริโภค เพราะสารเคมีจะแพร่ลงในดิน แหล่งน้ำ ผัก-ผลไม้ที่ปลูกจะมีสารเคมีอยู่ภายในเนื้อเยื่อ และมีผลทางการแพทย์ชัดเจนว่าสามารถดูดซึมเข้าไปในร่างกายทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆ ได้
ตำบลบ้านขาวเป็นตำบลหนึ่งที่ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม โดยมีพื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรมากถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ทำสวน ทำไร่ ทำนาปี ทำนาปลัง ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการควบคุมและกำจัดศัตรูพืช จึงกระจายและขยายเป็นวงกว้าง และยังอยู่ในระดับที่รุนแรงและสูง จากข้อมูลดังกล่าว แสดงว่าเกษตรกรในเขตตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ยังคงมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชอยู่จำนวนมาก ซึ่งสารเคมีกำจัดศัตรูพืชบางรายการเป็นสารต้องห้าม ประชาชนยังขาดความรู้ จึงทำให้มีผลกระทบกับด้านสุขภาพโดยตรง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้เกษตรกรที่ใช้ยาสารเคมีกำจัดศัตรูพืช และประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้รับการตรวจสารเคมีตกค้างในเลือด 2.เพื่อให้ความรู้การป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเคมีห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการล้างผัก ผลไม้เพื่อลดสารเคมีปนเปื้อนแก่เกษตรกร 3.ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการปลูกผักสวนครัวแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อบริโภค 1.เกษตรกรและประชาชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ร่วมโครงการได้รับการตรวจสารตกค้างในเลือดและเกษตรกรที่มีระดับสารเคมีระดับเสี่ยง และระดับไม่ปลอดภัยทุกคน ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรักษาด้วยชาชงรางจืด
2.เกษตรกรและประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ร่วมโครงการมีความรู้เรื่องการป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเคมีห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการล้างผัก ผลไม้เพื่อลดสารเคมีปนเปื้อนแก่เกษตรกร ร้อยละ 80 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 200 | 22,700.00 | 0 | 0.00 | |
2 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | เจาะเลือดตรวจสารเคมีตกค้างในเกษตรกรและประชาชนกลุ่มเสี่ยง | 100 | 6,100.00 | - | ||
2 มี.ค. 63 - 30 ก.ย. 63 | อบรมให้ความรู้การป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเคมีห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการล้างผัก ผลไม้ เพื่อลดสารเคมีปนเปื้อน | 100 | 16,600.00 | - |
1.ระยะเตรียมการ
1. 1.1 ประชุมชี้แจงโครงการ แนวทางการดำเนินงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
1.2 จัดทำแผนงานโครงการเพื่อเสนอขอรับงบประมาณสนับสนุน
1.3 จัดทำทะเบียนสำรวจเกษตรกร
1.4 เตรียม เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการตรวจคัดกรอง
-การคัดกรองสุขภาพตามแบบฟอร์ม นบก.1-56
-การตรวจเลือด โดยใช้กระดาษทดสอบเอนไซม์โคลีนเอสเตอเรส
1.5 ประสานผู้นำชุมชน อสม.ในพื้นที่ เพื่อเตรียมการและวางแผนการดำเนินงานคัดกรองและตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง
2.ระยะดำเนินการ
2.1 ดำเนินการคัดกรองและตรวจหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในกลุ่มเกษตรกร ตามวัน และเวลาที่นัดหมาย ดังนี้
- การออกสำรวจคัดกรองสุขภาพเกษตรกร ตามแบบคัดกรองความเสี่ยงในเกษตรกร
- ตรวจสอบความถูกต้องของแบบคัดกรอง เพื่อประเมินความเสี่ยง
- แยกกลุ่มประชากรตามแบบคัดกรอง แบ่งเป็นกลุ่มปกติและกลุ่มเสี่ยง
2.2 การเจาะเลือดเกษตรกลุ่มเสี่ยง เพื่อตรวจหาระดับสารเคมีในเลือด
สรุปผลการตรวจเลือดให้ประชาชนได้ทราบผลการตรวจ หากตรวจพบว่าปกติ เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำในการดูแลพฤติกรรม สุขภาพ หากตรวจพบอยู่ในระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรักษาด้วยรางจืด
2.3 จัดคลินิกสุขภาพเกษตรกรใน รพ.สต. โดยเน้นให้มีมุมให้ความรู้ด้านสุขภาพเกษตรเกษตรและการใช้สมุนไพรรางจืด เพื่อขับสารพิษออกจากร่างกาย
2.4 อบรมให้ความรู้การป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเคมีห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการล้างผัก ผลไม้เพื่อลดสารปนเปื้อนสารเคมีแก่เกษตรกร
2.5 ติดตามเยี่ยมดูแลเกษตรกรกลุ่มเสี่ยง นัดตรวจสุขภาพซ้ำภายใน 3 เดือน
3.ระยะสรุปผล
3.1 ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เมื่อสิ้นสุดโครงการ พร้อมรายงานผลการดำเนินงาน
3.2 ปรับปรุง พัฒนาจากผลการดำเนินงาน เพื่อใช้ในการจัดทำแผนงาน/โครงการต่อไป
1.เกษตรกร มีความรู้ ความเข้าใจในการป้องกันอันตรายจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช สารเคมีต้องห้ามตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และการล้างผัก ผลไม้เพื่อลดสารปนเปื้อนที่ถูกวิธี
2.เกษตรกรที่ใช้ยาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีความรู้และเปลี่ยนมาใช้การปลูกพืชแบบเกษตรอินทรีย์
3.เกษตรกรและประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีระดับสารเคมีในเลือดระดับเสี่ยงและไม่ปลอดภัยได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรักษาด้วยรางจืด มีระดับสารเคมีในเลือด เกณฑ์ปกติและปลอดภัย
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2563 09:54 น.