กิจกรรมที่ 1 ตรวจคัดกรองประชาชนทั่วไปอายุระหว่าง 40-60 ปี
ดำเนินการตรวจคัดกรองประชาชนทั่วไปอายุระหว่าง 40-60 ปี โดยคัดกรองอาการโดยใช้แบบประเมินระดับคะแนนการปวด 5 ระดับ ได้แก่
ระดับ 0 หมายถึง ไม่มีอาการปวดเลย
ระดับ 1 – 3 หมายถึง มีอาการปวดเล็กน้อยไม่มีความกังกล ไม่มีความทุกข์ทรมานแต่อย่างใด
ระดับ 4 – 5 หมายถึง มีอาการปวดปานกลาง ความรู้สึกทรมานจากอาการปวดพอสมควร แต่ยัง สามารถทนได้
ระดับ 6 – 7 หมายถึง มีอาการปวดมาก มีความกังวล พักผ่อนได้ไม่เพียงพอ เริ่มทีความรู้สึกว่าไม่สามารถทนได้
ระดับ 8 – 9 หมายถึง มีอาการปวดรุนแรงรู้สึกทรมานจาการอาการปวดมากไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้
ระดับ 10 หมายถึง มีอาการปวดรุนแรงจนไม่สามารถทนได้
คัดเลือกกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่มีอาการปวดเข่า ที่มีระดับคะแนนการปวด 4 – 10 คะแนน นำร่องจำนวน 50 คน ผลการตรวจคัดกรองเบื้องต้นพบว่า ระดับคะแนนการปวดจำนวนมากที่สุด ระดับ 4-5 คิดเป็นร้อยละ 56.00 รองลงมาระดับระดับ 6-7 คิดเป็นร้อยละ 44.00 ตามลำดับ ดังตารางที่ 1 และช่วงอายุที่มีอาการปวดมากที่สุด 41-50 ปี จำนวน 19 คน รองลงมา 51-60 ปี จำนวน 15 คน และช่วงอายุ 30-40 ปี จำนวน 9 คน ดังตารางที่ 2
ตารางที่ 1 จำนวนและร้อยละของระดับคะแนนการปวด จำนวน 50 คน
ระดับคะแนนการปวด 4 - 5 คะแนน จำนวน 28 ร้อยละ 56.00
ระดับคะแนนการปวด 6 - 7 คะแนน จำนวน 22 ร้อยละ 44.00
ระดับคะแนนการปวด 8 คะแนน จำนวน - ร้อยละ -
ระดับคะแนนการปวด 9 คะแนน จำนวน - ร้อยละ -
ระดับคะแนนการปวด 10 คะแนน จำนวน - ร้อยละ -
ตารางที่ 2 จำนวนช่วงอายุที่ตรวจคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม จำนวน 50 คน
ช่วงอายุ 30-40 ปี จำนวน 9 คน
ช่วงอายุ 41-50 ปี จำนวน 19 คน
ช่วงอายุ 51-60 ปี จำนวน 15 คน
ช่วงอายุ 61-70 ปี จำนวน 4 คน
จากตารางข้างต้น ระดับคะแนนการปวดมากที่สุดระดับ 4-5 มีอาการปวดปานกลาง ความรู้สึกทรมานจากอาการปวดพอสมควร แต่ยังสามารถทนได้ จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 56.00 อาการปวดเหล่านี้ ส่วนใหญ่อายุอยู่ในช่วง 41-60 ปี ซึ่งอาการของแต่ละคนระดับการปวดก็มีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการประกอบอาชีพ อายุ เมื่ออายุมากขึ้นก็ส่งผลกับการปวดที่เพิ่มขึ้น บางคนก็ไม่ได้เข้าถึงการรักษาเท่าที่ควร แค่บรรเทาอาการปวดเบื้องต้น รวมทั้งน้ำหนักตัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่ออาการปวดเข่า
กิจกรรมที่ 2 อบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโรคข้อและกระดูกและการนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคเบื้องต้น
การจัดกิจกรรมอบรมให้ความรู้พร้อมทั้งสอน/สาธิตขั้นตอนการทำลูกประคบสมุนไพร น้ำมันไพรและยาฟอกเข่า พร้อมทั้งสอนวิธีการนวด ท่าการบริหารร่างกาย กลุ่มเป้าหมายที่เข้าอบรมประชาชนกลุ่มเสี่ยงจำนวน 50 คน ตัวชี้วัดกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีความรู้เกี่ยวโรคข้อและกระดูก ประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบก่อน-หลังอบรม จำนวน 10 ข้อ ผลการดำเนินกิจกรรมประเมินผลก่อนการอบรม พบว่า ผู้เข้าอบรมมีความรู้ร้อยละ 70 และหลังการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อมมีระดับความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 88 ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่เข้าร่วมโครงการให้ความสนใจ และความสำคัญในการจัดกิจกรรม
กิจกรรมที่ 3 ส่งเสริมการปลูกสมุนไพรในชุมชน
ตัวชี้วัดกิจกรรมประชาชนในชุมชนไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 นำพืชสมุนไพรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ผู้จัดทำโครงการรณรงค์ให้ครัวเรือนในชุมชนปลูกสมุนไพรต่างๆ ทั้งที่ใช้เป็นยารักษาโรคเบื้องต้นและประกอบอาหาร เพราะสมุนไพรบางชนิดมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ประชาชนส่วนหนึ่งบางครัวเรือนก็ปลูกสมุนไพรกันอยู่แล้ว ร้อยละ 20 หลังจากมีการรณรงค์ให้ครัวเรือนปลูกพืชสมุนไพร พบว่าครัวเรือนปลูกสมุนไพรเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60 และจากการสอบถามเหตุผลในการปลูกสมุนไพร ส่วนใหญ่นำมาประกอบอาหาร เพราะเห็นว่าสมุนไพรบางชนิดมีสรรพคุณในการรักษาโรค ถ้ารับประทานน่าจะส่งผลที่ดีกับร่างกาย
กิจกรรมที่ 4 ติดตามผลกลุ่มเป้าหมาย
การติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 50 คน ติดตามเดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 3 ครั้ง ประเมินโดยใช้แบบประเมินระดับคะแนนการปวด ผลการติดตามจำนวน 3 ครั้ง พบว่าจากเดิมกลุ่มเป้าหมายมีระดับคะแนนการปวด 4-5 จำนวน 28 คนและระดับคะแนนการปวด 6-7 จำนวน 22 คน ได้ติดตามผลครั้งที่ 1 กลุ่มเป้าหมายยังคงมีอาการเหมือนเดิม ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 กลุ่มเป้าหมายมีอาการปวดลดลงจากระดับการปวด 6-7 ลดลงมาระดับการปวด 4-5 และ 1-3 จากการสอบถามอาการเบื้องต้นบางรายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง เช่น ออกกำลังกาย เพื่อให้อาการปวดเมื่อยลดลงมาบาง เลือกบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ ส่วนการประกอบอาชีพในบางรายไม่สามารถที่จะหยุดทำงานได้ เมื่อมีการปวดก็กินยาหรือประคบสมุนไพรเบื้องต้น จะเห็นได้ว่าอาการปวดของกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ลดลงตามตัวชี้วัดที่ตั้งไว้ เนื่องจากบางคนต้องประกอบอาชีพ อายุที่เพิ่มขึ้น และอาการปวดเหล่านี้ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาถึงได้หายได้