โครงการสตรีลุโบะยิไรร่วมใจ อสม.ห่วงใย ป้องกันภัยมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก รพ.สต.ลุโบะยิไร ปีงบประมาณ 2560
ชื่อโครงการ | โครงการสตรีลุโบะยิไรร่วมใจ อสม.ห่วงใย ป้องกันภัยมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก รพ.สต.ลุโบะยิไร ปีงบประมาณ 2560 |
รหัสโครงการ | 60-L3006-3-03 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุโบะยิไร |
วันที่อนุมัติ | 1 ธันวาคม 2559 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 16 มกราคม 2560 - 31 กรกฎาคม 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 18,420.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางตอยญีบะห์ |
พี่เลี้ยงโครงการ | นางสาวสือเมาะมุสตอปา |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลลุโบะยิไร อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.666,101.417place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 96 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขของโลก จากรายงานขององค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติ (International Agency for Research on Cancer : IARC) / องค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี พ.ศ.2545 มีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามรายใหม่ปีละ 493,243 คน และตายปีละ 273,505 คน และใน 5 ปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกอยู่ 1,409,285 คน ซึ่งจะต้องได้รับการรักษา
ในประเทศไทย โรคมะเร็งปามดลูกเป็นมะเร็งที่พบเป็นอันดับหนึ่งในสตรีไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณปีละ 6,300 ราย พบมากที่สุดระหว่างอายุ 45-50 ปี ระยะที่พบส่วนใหญ่อยู่ในระยะลุกลาม อัตราการอยู่รอด 5 ปี ประมาณร้อยละ 60 จึงมีผู้ป่วยสะสมจำนวนมาก คาดประมาณว่าจะมีผู้ป่วยรายใหม่และรายเก่าที่ต้องติดตามทำการดูแลรักษาอยู่ไม่น้อยกว่า 60,000 คนทั่วประเทศ แต่อัตราการอยู่รอด 5 ปี จะดีขึ้นถ้าพบในระยะเริ่มแรก
โรคมะเร็งปากมดลูกสามารถดูแลป้องกันรักษาได้ในระยะแรกๆ และการป้องกันที่ดีที่สุดคือ การค้นหาผู้ป่วยให้เร็วที่สุด ดังนั้นการให้ความรู้ การสร้างความตระหนักและการกระตุ้นให้เกิดการดูแลและป้องกันตัวเองในระยะแรกเพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนลดอัตราป่วยและตายของสตรีจากโรคมะเร็งปากมดลูก และจากสถานการณ์ ปี2558ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุโบะยิไรพบว่า กลุ่มเป้าหมาย สตรีอายุ 30ปี – 60ปีจำนวน 1691คนได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูก188 รายคิดเป็นร้อยละ11.11 ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ตัวชี้วัดตามยุทธศาสตร์จังหวัดปัตตานี ที่กลุ่มเป้าหมายต้องได้รับการตรวจมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 20
ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลลุโบะยิไร ได้เล็งเห็นความสำคัญของการค้นหาผู้ป่วยให้เร็วที่สุดจึงได้จัดทำ ”โครงการสตรีลุโบะยิไรร่วมใจ อสม.ห่วงใย ป้องกันภัยมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก” ขึ้น เพื่อค้นหามะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก เพื่อให้ครอบคลุมประชากรระดับหนึ่งซึ่งจะช่วยลดอัตราป่วยและอัตราตายด้วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี |
---|
1.จัดทำ โครงการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งมะเร็งปากมดลูก นำ เสนอต่อ
คณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลลุโบะยิไร
2.สำรวจข้อมูลกลุ่มประชากรเป้าหมายในพื้นที่
3.จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมาย
4.จัดทำแผนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก แต่ละหมู่บ้าน
5.ประชาสัมพันธ์และรณรงค์โครงการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งมะเร็งปากมดลูก ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ
6.อบรมให้ความรู้ แก่อสม.สตรีเรื่องโรคมะเร็งปากมดลูก เพื่อสามารถถ่ายทอด
ความรู้แก่สตรีกลุ่มเป้าหมายและมารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
7.จัดชุดปฏิบัติการอสม.เคาะประตูบ้านชวนเพื่อนไปตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
8.จัดกิจกรรมรณรงค์การตรวจมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านม โดยบริการตรวจถึงบ้านโดยแกนนำ อสม.นัดหมายตามแผนการรณรงค์
9.รณรงค์การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปากมดลูกโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตามกลุ่มเป้าหมายใน
สถานบริการ อย่างต่อเนื่อง
10.ส่งต่อผู้ป่วยที่ตรวจพบความผิดปกติได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ต่อเนื่อง และทันท่วงที
11.ประเมินผลการดำเนินงานและสรุปผลการดำเนินการโครงการ
1.ทำให้สตรีกลุ่มเป้าหมาย เกิดความตื่นตัว ตระหนัก ต่อเนื่อง ในเรื่องการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งเต้านม 2.สตรีกลุ่มเป้าหมายได้รับการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร้อยละ20 3..เพื่อค้นหาผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก ในระยะเริ่มแรก มีการส่งต่อและรักษาผู้ป่วยที่พบผลผิดปกติ อย่างถูกต้อง ต่อเนื่อง และทันท่วงที 4.เพื่อลดอัตราการเกิดโรคในระยะอันตราย ลดอัตราการป่วยตายด้วยโรคมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกให้น้อยลง 5.เพื่อประหยัดงบประมาณในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูก 6.เพื่อให้ประชาชนไม่เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรอง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2560 21:28 น.