โครงการคนบาโงยฯ รักฟันดี ปี 2560
ชื่อโครงการ | โครงการคนบาโงยฯ รักฟันดี ปี 2560 |
รหัสโครงการ | 60-L4147-1-01 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบาโงยซิแน |
วันที่อนุมัติ | 12 มิถุนายน 2560 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กรกฎาคม 2560 - 30 กันยายน 2560 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 1 กันยายน 2560 |
งบประมาณ | 24,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายอโนชาเหละดุหวี |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบาโงยซิแน อำเภอยะหา จังหวัดยะลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | 6.527,101.153place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัญหาโรคในช่องปากเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่ ๓ จังหวัดแม้โรคในช่องปากจะเป็นโรคซึ่งไม่ได้ติดต่อร้ายแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตแต่ได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอันเนื่องมาจากความเจ็บปวดซ้ำซาก ซึ่งเป้าหมายทันตสุขภาพระยะยาวของประเทศไทยปี ๒๕๖๓ ระบุว่า “คนไทยมีสุขภาพช่องปากดี บดเคี้ยวได้ อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข ทุกช่วงวัยของชีวิต” การที่จะบรรลุเป้าหมายระยะยาวได้นั้นจะต้องเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก หรือเริ่มตั้งแต่ระยะฟันน้ำนมเริ่มขึ้น หากฟันได้รับการดูแลอย่างดีเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่จะมีฟันใช้งานได้ครบทั้งปากไม่มีโรคในช่องปากไม่มีความเจ็บปวดในช่องปาก คงสภาวะเช่นนี้ได้ตลอดชีวิต
โรคฟันผุยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่พบมากที่สุด โดยลักษณะธรรมชาติของโรคฟันผุ มักผุที่ฟันกรามด้านบดเคี้ยวเป็นส่วนใหญ่ซึ่งฟันกรามซี่แรกจะขึ้นมาในช่องปากช่วงอายุ 6 ปี ในช่วงนี้พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กยังเข้าใจว่าฟันแท้ที่ขึ้นมาในช่องปากเป็นฟันน้ำนม ทำให้ละเลยการดูแลฟันกรามนี้เป็นพิเศษ ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการป้องกันโรคฟันผุในฟันกรามซี่แรก โดยเฉพาะการเคลือบหลุมร่องฟัน ( Sealant )เคลือบหลุมร่องฟันที่ลึก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดโรคฟันผุในเด็กได้ นอกจากนี้ประชาชนควรได้รับการดูแลส่งเสริมการให้ความรู้ และคำแนะนำทันตสุขภาพอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการสร้างกระแสเพื่อกระตุ้นให้เกิดการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกต้องและนอกจากนี้การส่งเสริมการให้ความรู้ด้านการแปรงฟันโดยเน้นการลงมือฝึกปฏิบัติจริงในช่องปากจะส่งผลให้เกิดประสิทธิภาพในการส่งเสริมป้องกันโรคฟันผุได้ดี โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 0-5 ปี ซึ่งไม่มีความสามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้เอง
ดังนั้น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบาโงยซิแน อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ร่วมกับชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขตำบลบาโงยซิแนได้เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการคนบาโงยฯ รักฟันดี ปี 2560 ขึ้น โดยจะต้องเน้นถึง การส่งเสริมสุขภาพฟันของเด็ก และผู้ปกครองโดยเฉพาะการเพิ่มพูน ความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีแก่ เด็กนักเรียน และประชาชนทั่วไป เพื่อที่จะนำความรู้ไปปฏิบัติ และถ่ายทอดไปยังผู้อื่นได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อส่งเสริมป้องกันและรักษาสุขภาพในช่องปากกลุ่มหญิงตั้งครรภ์, เด็กปฐมวัย(0-2 ปี), เด็กนักเรียน, ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเบาหวาน
|
||
2 | เพื่อให้นักเรียน รู้ปัญหาสุขภาพช่องปากของตนเองและมีความรู้ในการดูแลทันตสุขภาพ
|
กลยุทธ์ที่ 1 การส่งเสริมสุขภาพช่องปาก การตรวจและรักษา โดยการตรวจรักษา ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และเคลือบหลุมร่องฟัน
กิจกรรม
1. จัดประชุม ชี้แจง อสม. แกนนำ ครูอนามัยโรงเรียน ผู้ปกครอง หญิงตั้งครรภ์ เพื่อทราบแนวทางการดำเนินงานของโครงการ
2. จัดหากลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงาน
3. จัดทำตารางการปฏิบัติงานที่สถานบริการ
4. ขออนุมัติดำเนินการโครงการ
5. จัดซื้อชุดแปรงสีฟัน/ยาสีฟัน
6. จัดคลินิกให้บริการทันตกรรมตรวจฟัน ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน เคลือบฟลูออไรด์ และเคลือบหลุมร่องฟันแก่เด็กวัยเรียน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเบาหวาน
7. รณรงค์และจัดทำคลินิกพิเศษสำหรับนักเรียน ป.1-ป.6 และบริการรถพยาบาล ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ไปรับนักเรียนที่โรงเรียนมารับบริการรักษาโรคในช่องปากทุกสัปดาห์
8. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่มีภาวะเสี่ยงสูง
9. ติดตามประเมินผล
กลยุทธ์ที่ 2 การสร้างแกนนำ การรณรงค์ประชาสัมพันธ์ และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้ชุมชน โรงเรียนตระหนักถึงโรคในช่องปาก และเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก
กิจกรรม
1. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ เรื่อง การดูแลสุขภาพช่องปาก และโรคในช่องปากที่พบบ่อยในประชาชนทั่วไปหญิงมีครรภ์นักเรียน และเด็ก 0-5 ปี พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติ โดยการให้สุขศึกษาประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น ในช่วงก่อนการละหมาดวันศุกร์ หอกระจายเสียงโรงเรียน ฯลฯเพื่อเสริมสร้างและสนับสนุนการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างถูกต่อเนื่อง และยั่งยืน
2. หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับการฝากครรภ์จะได้รับการตรวจฟันและรักษาทันตกรรม
3. จัดคลินิกให้บริการรักษาทางทันตกรรมโดยให้บริการใน เด็กปฐมวัย นักเรียน หญิงตั้งครรภ์ ประชาชนทั่วไป และผู้สูงอายุ
4. รณรงค์และจัดทำคลินิกพิเศษสำหรับนักเรียน ป.1-ป.6 และบริการรถพยาบาล ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ไปรับนักเรียนที่โรงเรียนมารับบริการรักษาโรคในช่องปากสัปดาห์ละ 2วัน
5. ติดตามเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวานเพื่อให้บริการตรวจฟัน
6. จัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเชิงกลุ่มในเรื่อง ทันตสุขภาพ ในหมู่บ้าน ทั้ง 6 หมู่บ้าน
ประชุมชี้แจง จนท.อสม. และ ผู้ปกครองนักรียน
จัดทำแผนการดำเนินงานให้ความรู้ด้านทันตสุขภาพ ในชุมชน
รายละเอียด (อบรมเชิงปฏิบัติการเชิงกลุ่มกลุ่ม จำนวน 3 เรื่อง)
1. เรื่องโรคฟันผุ เหงือกอักเสบและโรคปริทันต์และวิธีการรักษา
2. เรื่องการแปรงฟันที่ถูกวิธี
3. เน้นฝึกปฎิบัติวิธีการแปรงที่ถูกวิธีในเด็ก และ ผู้ใหญ่
ดำเนินการตามแผนการดำเนินกิจกรรม ในชุมชน
ประเมินผลการดำเนินงานทันตสุขภพ
กลยุทธ์ที่ 3 การส่งเสริม ป้องกันโรคในช่องปาก เชิงรุกในและนอกสถานบริการ
กิจกรรม
1. ขึ้นทะเบียนเด็กอายุ 0-2 ปีทุกราย ในเขตรับผิดชอบของรพ.สต บาโงยซิแน
2. จัดซื้อชุดแปรงสีฟัน/ยาสีฟัน และแก้วหัดดื่ม
3. จัดคลินิกฟันสวยเริ่มที่ซี่แรก โดยให้บริการเคลือบฟลูออไรด์วานิชในและนอกสถานบริการ
4. จัดทำแผนการปฏิบัติงานนอกสถานที่ โดย จนท.ร่วมกับ อสม.
5. จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลทันตสุขภาพ กับทุกกลุ่มวัย
6. จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ และการแปรงฟันที่ถูกวิธี แก่หญิงตั้งครรภ์ และ ผู้ปกครองนักเรียนในชุมชน
7. สรุปผล
กลยุทธ์ที่ 4 การควบคุมกำกับ และการประเมินผล
กิจกรรม
1. ติดตามผลการดำเนินงาน
2. ประชุมทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ เพื่อประเมินปัญหา และอุปสรรคในการดำเนินโครงการและแนวทางการแก้ไข
3. สรุปผลการดำเนินงานเป็นระยะๆ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1.ประชาชนทั่วไป เด็กก่อนวัยเรียน หญิงตั้งครรภ์ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- 6 ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเบาหวาน ได้รับบริการตรวจและรักษาสุขภาพฟันอย่างถูกวิธี 2. ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพในช่องปาก จนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำความรู้ไปถ่ายทอดและเป็นแบบอย่างแก่ผู้อื่นได้ 3. ประชาชนทุกกลุ่มวัย มีการดูแลสุขภาพฟัน จนทำให้มีสุขภาพในช่องปากที่ดีขึ้น และชุมชนมีส่วนร่วม ด้านการส่งเสริมทันตสุขภาพ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2560 13:17 น.