โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ปี 2563
ชื่อโครงการ | โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ปี 2563 |
รหัสโครงการ | |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | |
วันที่อนุมัติ | 1 ตุลาคม 2562 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 ตุลาคม 2562 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 12,950.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลส้าน |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน |
ละติจูด-ลองจิจูด | 18.533219,100.755308place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 4 ส.ค. 2563 | 4 ส.ค. 2563 | 12,450.00 | |||
2 | 21 ก.ย. 2563 | 23 ก.ย. 2563 | 500.00 | |||
รวมงบประมาณ | 12,950.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง นับเป็นปัญหาการเจ็บป่วยที่สำคัญของประชากรทั่วโลก และเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆของโลก ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงทั้งโลกมีอัตราการตายร้อยละ 13 ขณะที่ผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกมีอัตราการตายร้อยละ 6 ขณะที่โลกเคลื่อนตัวไปสู่การพัฒนาระบบการแพทย์ เทคโนโลยีในการรักษาที่ทันสมัย อายุคาดเฉลี่ยของมนุษย์ยาวนานขึ้น ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพในอดีตอย่างเรื่องสุขอนามัยไม่ดีลดลงอย่างรวดเร็ว หากแต่ปัจจัยเสี่ยงสมัยใหม่กลับเพิ่มภาระคุกคามให้กับชีวิตที่สุขสบายของมนุษย์ ปัจจัยเสี่ยงเงียบๆทั้งสองชนิดนี้ก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกายได้อย่างคาดไม่ถึง นำมาซึ่งความสูญเสียทรัพยากรในการดูแลรักษา มีผลกระทบต่อผู้ป่วยเองและผู้ดูแล ค่ารักษาพยาบาล ค่าใช้จ่ายในครอบครัว มีอาการป่วยเรื้อรังเป็นเวลานาน ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ นอกจากจะเป็นโรคที่รักษาไม่หายแล้วยังเชื่อมโยงไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆอีกมากมาย เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรัง สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรค คือ กรรมพันธุ์ และ สิ่งแวดล้อม ในส่วนของกรรมพันธุ์นั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น แม้กรรมพันธุ์จะเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่สามารถควบคุมปัจจัยเรื่องอาหารและสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้
จากข้อมูลสหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติรายงานว่าในปี พ.ศ.2560 มีจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลก 425 ล้านคน และคาดว่าในปี พ.ศ.2588 จำนวนผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 629 ล้านคนองค์การอนามัยโลกระบุว่าจำนวนผู้ป่วยเบาหวานจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2030 และจะมีผู้เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานเป็น 3.2 ล้านคน ในแต่ละปี ซึ่งคิดเป็น 6 คนในทุกๆ 1 วินาที ส่วนโรคความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุการตายทั่วโลกสูงถึง 7.5 ล้านคน หรือร้อยละ12.8 ของสาเหตุการตายทั้งหมด และคาดการณ์ว่าจะมีความชุกของโรคความดันโลหิตสูงทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงเป็น 1.56 พันล้านคนในปี พ.ศ.2568
ส่วนในประเทศไทยจากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า อัตราการป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงต่อประชากร 100,000 คน ในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ. 2556 – 2560 ) เพิ่มขึ้นจาก 12,342.14 (จำนวน 3,936,171 คน ) เป็น 14,926.47 (จำนวน 5,597,671 คน) และจากข้อมูลศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขอัตราการป่วยรายใหม่ของความความดันโลหิตสูง ต่อประชากร 100,000 คน ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 916.89 (จำนวน 540,013 คน) เป็น 1,353.01 (จำนวน 813,485 คน) ส่วนความชุกของโรคเบาหวานของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เท่ากับร้อยละ 8.9 (คิดเป็นผู้ป่วยเบาหวาน 4.8 ล้านคน)ความชุกของผู้ที่มีความผิดปกติของน้ำตาลในเลือดตอนเช้าขณะอดอาหาร เท่ากับร้อยละ 15.6 และผู้ป่วยเบาหวานร้อยละ 43.2 ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยมาก่อนและไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นเบาหวาน อีกทั้งยังพบว่ามากกว่าร้อยละ 70 ของการเสียชีวิตทั้งหมด มีสาเหตุมาจากเบาหวาน ในจังหวัดน่านปีงบประมาณ 2562 อัตราป่วยตายโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 2.45 อัตราป่วยตายโรคเบาหวาน ร้อยละ 2.23
ในพื้นที่ตำบลส้าน พบอัตราป่วยตายโรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 3.28 อัตราป่วยรายใหม่โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 1.57 และอัตราป่วยตายโรคเบาหวาน ร้อยละ 0 อัตราป่วยรายใหม่เบาหวานร้อยละ 0.60 สาเหตุการเกิดโรคส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ มีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลส้าน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการดูแลตนเองเพื่อลดการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง จึงได้จัดทำโครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ปี 2563 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในกลุ่มเสี่ยง โดยใช้กิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังในอนาคต
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมีความรู้เรื่องโรคและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค
|
0.00 | |
2 | 2.เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมีความรู้ในการดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง
|
0.00 | |
3 | 3.เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมในการป้องกันโรค
|
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 94 | 12,950.00 | 0 | 0.00 | |
10 ต.ค. 62 | 1.ชี้แจงโครงการแก่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลส้าน | 9 | 0.00 | - | ||
11 - 31 ต.ค. 62 | 2.ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อบต/ชุมชน/อสม. เพื่อวางแผนดำเนินกิจกรรม | 10 | 0.00 | - | ||
4 ส.ค. 63 | 3.จัดอบรมเชิงปฏิบัติการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ความรู้กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง โดยจัดกิจกรรมฐานความรู้เรื่อง 3 อ 2 ส ความรู้เรื่องโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น จำนวน 1 วัน | 70 | 12,450.00 | - | ||
4 - 15 ก.ย. 63 | 3.ติดตามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงหลังได้รับการอบรม โดยติดตามเยี่ยมบ้าน 1 คน/ครั้ง หลังการอบรม 1 เดือน | 0 | 0.00 | - | ||
21 - 23 ก.ย. 63 | สรุปผลการดำเนินงานตามแผนงานโครงการ | 5 | 500.00 | - |
1.กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ และทัศนคติที่เหมาะสม ในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ 2. กลุ่มเป้าหมายมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม มีสุขภาพดี ไม่เป็นโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น 3. กลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปมีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2563 15:00 น.