โครงการสูงวัยห่างไกลปวดเมื่อยและเสี่ยงล้มในศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลนครสงขลา
ชื่อโครงการ | โครงการสูงวัยห่างไกลปวดเมื่อยและเสี่ยงล้มในศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลนครสงขลา |
รหัสโครงการ | 64-L7250-1-19 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยงานสาธารณสุขอื่นของ อปท. เช่น กองสาธารณสุขของเทศบาล |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | แพทย์แผนไทย ศูนย์บริการสาธารณสุขเตาหลวง |
วันที่อนุมัติ | 18 ธันวาคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 มกราคม 2564 - 30 กันยายน 2564 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2564 |
งบประมาณ | 19,400.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | (นายจิรสิน เสาวธารพงศ์) ตำแหน่ง แพทย์แผนไทย |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างสังคมที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดคือการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้สูงอายุซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อัตราการเกิดของประชากรทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง ประชากรมีอายุยืนขึ้นเนื่องจากการรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น และประชากรที่เกิดในยุค Baby Boomers ได้เข้าสู่วัยสูงอายุ จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยมีตัวเลขเทียบเท่ากับประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตเป็นอันดับสามในทวีปเอเชียรองมาจากประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น โดยประเทศไทยนั้นได้เข้าใกล้สังคมสูงวัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 สำนักงานสถิติแห่งชาติได้คาดการณ์ว่า ในปี พ.ศ. 2559 จำนวนผู้สูงอายุในไทยจะมีมากถึง 11.3 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 67.66 ล้านคนหรือคิดเป็นร้อยละ 16.7 ของประชากรทั้งหมดและจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวในปี พ.ศ. 2565 และในปี พ.ศ. 2573 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 26.9 ของประชากรไทย จำนวนผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครสงขลาในปี พ.ศ. 2563 มีจำนวน 10,543 คนจากประชากรทั้งหมด 60,707 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 17.4 ของประชากรทั้งหมด ปัญหาสุขภาพที่ผู้สูงอายุมักพบเจอเป็นประจำคือ 1. อาการปวดเมื่อย อาการปวดเมื่อยในผู้สูงวัยมีปัจจัยมาจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในผู้สูงวัยที่มีการเสื่อมลงของร่างกายทุกระบบ ซึ่งเป็นผลมาจากร่างกายลดความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีการยึด ติด ตึงของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ทำให้การเคลื่อนไหวไม่มีประสิทธิภาพ หรือแม้แต่ปัจจัยอื่นๆ เช่น อาหารการกิน ที่ขาดวิตามินดีและซี ขาดแร่ธาตุ แคลเซียม ฟอสฟอรัส โดยผู้สูงวัยมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการปวดเมื่อยได้ง่ายนั้นอาจมาจากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น แต่ปัจจัยสำคัญอีกอย่างก็คือการใช้ร่างกายที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่ ใช้น้อยเกินไป ใช้มากเกินไป และใช้ผิด 2. การสูญเสียการควบคุมการทรงตัวเป็นปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย และพบมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น การควบคุมระบบการทรงตัวของผู้สูงอายุนั้นเป็นการทำงานของระบบประสาทที่ซับซ้อน ต้องการการประสานกันของประสาทรับความรู้ สึกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น ระบบควบคุมการทรงตัวเวสติบูล่า และระบบรับความรู้สึกในข้อต่อและกล้ามเนื้อ รวมทั้งการควบคุมของระบบประสาทสั่งการจากสมองส่วนกลางและการตอบสนองของกล้ามเนื้อส่วนปลาย ซึ่งระบบต่างๆ ต้องทำงานประสานกันเป็นอย่างดี จึงจะช่วยป้องกันการหกล้มได้ การเสียการทรงตัวเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อการเกิดการหกล้มและการบาดเจ็บที่รุนแรงตามมา รวมทั้งการเกิดกระดูกหัก ซึ่งอันตรายที่จะเกิดตามหลังการเกิดกระดูกหัก ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด การจำกัดการทำกิจวัตรประจำวัน หรือการจำกัดการเคลื่อนที่ก็ตาม รวมถึงสภาพจิตใจและการเป็นภาระต่อครอบครัว สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุทั้งสิ้น ดังนั้นการจัดทำโครงการครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์ให้ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านระบบกระดูก กล้ามเนื้อ และการทรงตัว ได้ดูแลสุขภาพเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยเบื้องต้นและการควบคุมระบบการทรงตัวด้วยวิถีไทยตามธรรมชาติ และการออกกำลังกายบริหารมัดกล้ามเนื้อ โดยการใช้ลูกประคบสมุนไพรในการช่วยบำบัดอาการปวดเมื่อยเบื้องต้น ให้ความรู้เรื่อการป้องกันการพลัดตกหกล้ม และสอนการออกกำลังกายบริหารมัดกล้ามเนื้อ เพื่อบรรเทาโรคทางระบบกล้ามเนื้อ และระบบการทรงตัวที่เกิดจากอิริยาบถและการทำงานหนัก และการเสื่อมการทำงานตามวัย และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยและวัฒนธรรมไทยที่มีมาแต่อดีตให้คงอยู่สืบไปด้วย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 2.1 เพื่อให้สูงอายุที่มีอาการปวดเมื่อยและมีภาวะเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม มีความรู้ในเรื่องการทำลูกประคบ และให้ความรู้เรื่อการป้องกันการพลัดตกหกล้ม 3.1 กลุ่มเป้าหมายมีคะแนน pain score ลดลงน้อยกว่าก่อนเข้าโครงการ ร้อยละ 80 |
80.00 | |
2 | 2.2 เพื่อให้ผู้สูงอายุที่มีอาการปวดเมื่อยมีอาการปวดเมื่อยลดลงหลังเข้าร่วมโครงการ 3.2 กลุ่มเป้าหมายมีคะแนนคุณภาพการทรงตัวลดลงร้อยละ 80 |
80.00 |
- จัดทำคำขออนุญาตดำเนินโครงการและขออนุมัติงบประมาณ
2. ประชุมชี้แจงคณะทำงานในการจัดเตรียมการดำเนินงาน
3. ประชาสัมพันธ์โครงการ
4. จัดอบรมให้ความรู้เรื่องการทำลูกประคบ ทดสอบสมรรถภาพการทรงตัวและให้ความรู้เรื่อการป้องกันการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุแก่ผู้สูงอายุที่มีอาการปวดเมื่อยและมีภาวะเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม (ใช้ pain score และแบบประเมินการทรงตัว Berg Balance Scale ในประเมินอาการปวดเมื่อยและคุณภาพการทรงตัว) 5. ติดตามผลในกลุ่มที่ผู้สูงอายุที่มีอาการปวดเมื่อยที่มีคะแนน pain score 5 – 8 และมีภาวะเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม เดือนละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลา 1 เดือน 6. ประเมินผลโครงการ
7. สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการ
- กลุ่มเป้าหมายมีอาการปวดเมื่อยมีอาการปวดเมื่อยลดลง(มีคะแนนpain score ลดลงน้อยกว่า
ก่อนเข้าโครงการ)
- กลุ่มเป้าหมายมีความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้มลดลงหลังเข้าร่วมโครงการ
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 09:59 น.