โครงการชุมชนร่วมใจป้องกันภัยเบาหวานความดัน ปีงบประมาณ 2564
ชื่อโครงการ | โครงการชุมชนร่วมใจป้องกันภัยเบาหวานความดัน ปีงบประมาณ 2564 |
รหัสโครงการ | 012 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่ามะเดื่อ |
วันที่อนุมัติ | 25 พฤศจิกายน 2020 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 เมษายน 2021 - 31 สิงหาคม 2021 |
กำหนดวันส่งรายงาน | |
งบประมาณ | 18,700.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวกฤติยา ขำมริ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อโดยเฉพาะภาวะความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเร่งด่วนของประเทศ ผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงถ้าไม่ได้รับการดูแลหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสมอาจพัฒนาเป็นโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงได้ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทำให้เป็นภาระต่อสังคมเศรษฐกิจและครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่ดูแลส่วนปัจจัยด้านอื่นๆ ที่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกันได้ก็คือพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมซึ่งพบว่าคนที่มีบิดา-มารดา มีภาวะความดันโลหิตสูงและภาวะเบาหวานก็มักจะมีโอกาสเสี่ยงมาก ส่วนในเรื่องปัจจัยแวดล้อมเช่น มีน้ำหนักตัวมาก สูงบุหรี่จัดดื่มสุราจัด มีระดับไขมันในเลือดสูง และมักไม่ค่อยรู้ตัว ซึ่งโอกาสจะเกิโรคแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง และเบาหวานก็มีมากตามไปด้วย โดยทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ ไต ตา และสมองและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตได้ ดังนั้นจึงเปรียบภาวะความดันโลหติสูงและเบาหวานว่าเป็น "ภัยเงียบ" สถานการณ์โรคเบาหวานจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยจากการพิจารณาสถานการณ์ความซุกของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัย และขึ้นทะเบียนจากแพทย์ว่าเป็นโรคเบาหวาน ในสถานบริการภาครัฐ จากแหล่งข้อมูล 43 แฟ้มพบว่าค่าความซุกในปี พ.ศ. 2562 เท่ากับร้อยละ 4.69และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ต่อเนื่องกระทั่งปี พ.ศ. 2563 มีแนวโน้มที่ช้าลง ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการขึ้นทะเบียนเป็น ผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่ที่มีแนวโน้มลดลงกระทั่งปีพ.ศ.2563 มีอัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานรายใหม่เท่ากับร้อยละ0.45 สถานการณ์ประเทศไทยจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยจากการพิจารณาสถานการณ์ความซุกของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัย และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ.2562 และลดลงในปี พ.ศ.2563 มีอัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรายใหม่ เท่ากับร้อยละ 0.89 เมื่อพิจารณาการกระจายตามเขตบริการ สุขภาพ จากข้อมูลฐานบริการ 43 แฟ้ม พบว่าความซุกของความดันโลหิตสูงสุดที่เขตบริการสุขภาพที่ 1,2และ3 ปัญหาโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงยังคงเป็นปัญหาที่คุกคามสุขภาพของประชาชนไทยถึงแม้ว่า แนวโน้มของความซุกจะไม่เพิ่มขึ้นมาก แต่พบว่าผู้ป่วยทั้งเบาหวานและความดันโลหิตสูง มีแนวโน้มที่จะมีภาวะแทรกซ้อนสูงขึ้น ทั้งภาวะแทรกซ้อนหลอดเลือดสมองภาวะแทรกซ้อนหลอดเลือดหัวใจ และภาวะแทรกซ้อนทางไต โดยเฉพาะภาวะแทรกซ้อน ทางไตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่เพิ่มขี้นมากกว่า 2 เท่าตัวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากสาเหตุจากระยะเวลาในการเจ็บป่วย ที่นานขึ้นแล้ว การเข้าถึงบริการ และคุณภาพการบริการก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อผลลัพธทางสุขภาพ จากการวินิจฉัยที่ถูกต้องทันเวลา และให้การรักษาส่งต่อที่เหมาะสม และปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น จากข้อมูลในระบบปฐมภูมิ พบว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ดี ในปี พ.ศ. 2561,2562 และ2563 คิดเป็นร้อยละ 19.57,47.83และ45.76 ตามลำดับ ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่สามารถควบคุมโรคให้อยู้ในระดับปกติและลดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | 1.เพื่อพัฒนาศักยภาพแกนนำในการดูแลกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง 2.เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถดูแลตนเองไม่ป่วยดัวยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงรายใหม่ 3.เพื่อให้กลุ่มป่วยมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถควบคุมระดับความดันโลหิต/ระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ 4.เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาโรคเรื้อรัง
|
0.00 |
1.เขียนโครงการเพื่อเสนอขออนุมัติ 2.ประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนในพื้นที่ทราบ 3.จัดตั้งทีมงานและมอบหมายผู้รับชอบ 4.ดำเนินกิจกรรมตามโครงการ กิจกรรมที่ 1 อบรมพัฒนาศักยภาพแกนนำเครือข่ายสุขภาพในชุมชน เพื่อดูแลกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง กิจกรรมที่ 2 พบกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้การปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย กลุ่มเสี่ยง -พบกลุ่มแลกเปลี่ยนรู้การปรับพฤติกรรม การบริโภคอาหารการปลูกผักกินเอง การออกกำลังกายพบกลุ่มเดือนละ 1 ครั้ง พร้อมติดตามประเมินผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม -ติดตามวัดความดันโลหิต/เจาะน้ำตาลในเลือดเชิงรุกที่บ้าน กลุ่มป่วย -พบกลุ่มแลกเปลี่ยนรู้การปรับพฤติกรรม การบริโภคอาหารการปลูกผักกินเอง การออกกำลังกายพบกลุ่มเดือนละ 1 ครั้ง พร้อมติดตามประเมินผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม -ติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยที่ควบคุมโรคไม่ได้ 5.ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามโครงการ
1.ประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด/ระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้ 2.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมโรคได้ ลดอัตรการเกิดภาวะแทรกซ้อน 3.ลดอัตรการเกิดผู้ป่วยเบาหวาน/ความดันโลหิตสูงรายใหม่ 4.มีเครือข่าย/แกนนำด้านสุขภาพในชุมชนทีมีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2021 14:03 น.