แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.เขาชัยสน
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.เขาชัยสน
โรงพยาบาลเขาชัยสน
โรงพยาบาลเขาชัยสน
โรงพยาบาลเขาชัยสน
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
สังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมส่งผลกระทบต่อแบบแผนการดำเนินชีวิต และภาวการณ์ดำรงชีพของประชาชน พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องมีภาระหน้าที่ในการหารายได้มากขึ้น โดยพบว่า ส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้าน จึงไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้เองหรือมีเวลาในการเลี้ยงดูน้อยลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพการเลี้ยงดูเด็ก โดยเฉพาะในส่วนของการรับประทานอาหารและการดูแลในเรื่องของทันตสุขภาพประกอบกับการเข้ามาของแบบแผนวิถีชีวิตวัฒนธรรมตะวันตก ความเจริญและวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี รวมทั้งความเจริญทางการสื่อสาร สิ่งต่างๆเหล่านี้ ส่งผลทางอ้อมให้เกิดค่านิยมการบริโภคอาหารที่อยู่ในกลุ่มแป้งและน้ำตาลสูงขึ้น ขณะเดียวกันพัฒนาการของรูปแบบขนมหวานต่างๆ เช่น ของว่าง ของขบเคี้ยวต่างๆ ในกลุ่มแป้งและน้ำตาล และเครื่องดื่มจำพวกน้ำหวาน น้ำอัดลมฯลฯ ที่ได้เพิ่มจำนวนชนิดมากขึ้นด้วยรูปแบบที่หลากหลายกระตุ้นให้เด็กบริโภคมากขึ้น และส่งผลต่อภาวะทันตสุขภาพในที่สุด
จากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 8 ในประเทศไทย พ.ศ. 2560 พบว่า เด็กกลุ่มวัยเรียน(อายุ 12 ปี) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานในกลุ่มเด็กประถมศึกษา มีความชุกของโรคฟันผุ ร้อยละ 52.0และมีประสบการณ์การเกิดโรคฟันผุเฉลี่ย 1.4 ซี่/คน และจากข้อมูลสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพัทลุง พ.ศ. 2562 พบว่า เด็กอายุ 12 ปี ในจังหวัดพัทลุงมีความชุกของโรคฟันผุ ร้อยละ 45.85 และมีประสบการณ์การเกิดโรคฟันผุเฉลี่ย 1.47 ซี่/คนเมื่อเจาะลึกลงมาในอำเภอเขาชัยสน พบว่า เด็กอายุ 12 ปี ในอำเภอเขาชัยสนมีความชุกของโรคฟันผุ ร้อยละ 63.01 และมีประสบการณ์การเกิดโรคฟันผุเฉลี่ย 1.99 ซี่/คนจะเห็นได้ว่าในปี 2562 เด็กอายุ 12 ปี ที่อาศัยอยู่ในอำเภอเขาชัยสนมีความชุกของโรคฟันผุและมีประสบการณ์การเกิดโรคฟันผุที่มากกว่าในระดับประเทศในปี 2562 (สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพัทลุง, 2562) แสดงว่ายังมีประเด็นปัญหาสำคัญที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการป้องกันและควบคุมโรคฟันผุในกลุ่มนี้ เช่น พฤติกรรมการบริโภคขนมกรุบกรอบและการดื่มน้ำอัดลม ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามกระแสนิยม จึงจำเป็นที่จะต้องให้เด็กเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลภาวะทันตสุขภาพของตนเองมากขึ้น โดยเด็กจะต้องเกิดความเชื่อทางสุขภาพและมีการรับรู้ความสามารถของตนเองว่ามีความสามารถในการดูแลทันตสุขภาพของตนเองได้ โดยทฤษฎีทางสุขศึกษาที่มีความเหมาะสมในการที่จะนำมาใช้เพื่อให้กระบวนการแก้ปัญหาทันตสุขภาพของเด็กกลุ่มนี้ คือ ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อทางสุขภาพ (health belief model) โดยการรับรู้ว่าตนเองอาจเกิดอันตรายจากโรค จึงปรับพฤติกรรมการรับรู้ผลเสียหรืออันตรายของโรคนั้นๆ การรับรู้ประโยชน์ของการกระทำพฤติกรรมในการป้องกันหรือควบคุมโรค ก็จะกระทำพฤติกรรมเหล่านั้น เพื่อลดความรุนแรงหรือควบคุมอาการของโรค และทฤษฎีความสามารถตนเอง (Self-efficacy theory) โดยการรับรู้ความสามารถของตนเอง เป็นหนึ่งในแนวคิด 3 ประการของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมปัญญาของแบนดูรา ซึ่งแบนดูราเห็นว่า ความสามารถของคนเรานั้นไม่ตายตัว หากแต่ยืดหยุ่นตามสภาพการณ์ ดังนั้นประสิทธิภาพของการแสดงออก จึงขึ้นอยู่กับการรับรู้ความสามารถของตนเองในสภาวการณ์นั้นๆ ถ้าเรามีการรับรู้ว่าเรามีความสามารถเราก็จะแสดงออกถึงความสามารถนั้นได้ และมีความอดทน อุตสาหะ ไม่ท้อถอย และจะประสบความสำเร็จในที่สุด
เมื่อพิจารณาถึงปัญหาทันตสุขภาพของนักเรียนที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง พบว่า เด็กอายุ 12 ปี มีความชุกของโรคฟันผุ ร้อยละ 38.63 และมีประสบการณ์การเกิดโรคฟันผุเฉลี่ย 1.10ซี่/คน (สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดพัทลุง, 2563) ซึ่งพบว่านักเรียนที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลเขาชัยสน ยังมีปัญหาในเรื่องของทันตสุขภาพ ผู้จัดทำโครงการจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพฟันและป้องกันโรคในช่องปากแก่เด็กนักเรียน เนื่องจากช่วงอายุนี้จะมีฟันถาวรขึ้นมาแทนที่ฟันน้ำนม ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลต่อการเกิดปัญหาทันตสุขภาพที่มีความรุนแรงมากขึ้นในอนาคต จากสภาพปัญหาทันตสุขภาพของนักเรียนที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลเขาชัยสนและทฤษฎีดังกล่าว ผู้จัดทำโครงการจึงสนใจที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในการจัดทำโครงการส่งเสริมป้องกันทันตสุขภาพในเด็กประถมศึกษาชั้นปีที่4-6โดยเน้นการเรียนรู้แบบมีสวนร่วมเข้ามาใช้ในโครงการโดยให้นักเรียนได้สัมผัสและมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน อันจะนำไปสู่การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องด้านทันตสุขภาพ ทำให้ลดภาวะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย ลดการสูญเสียเวลาเรียน ซึ่งจะมีผลก่อให้เกิดการเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สมาชิกในครอบครัวและสังคมอีกทั้งยังนำผลของโครงการนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการให้ทันตสุขศึกษาในโครงการส่งเสริมทันตสุขภาพในโรงเรียนอื่นต่อไป
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/02/2021
กำหนดเสร็จ 30/09/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?- เด็กประถมศึกษาชั้นปีที่4-6 มีสภาวะช่องปากที่ดี สามารถดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างถูกต้อง
- เด็กนักเรียนรู้จักการแปรงฟันที่ถูกวิธีและตระหนักถึงความสำคัญของการแปรงฟันและรักษาสุขภาพช่องปาก
- เด็กนักเรียนได้รับความรู้การดูแลช่องปาก ส่งผลให้มีฟันที่สะอาดปราศจากคราบจุลินทรีย์