2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ปัญหาฟันผุในฟันน้ำนมของเด็กปฐมวัยสามารถเกิดได้ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นมาในช่องปาก อยู่ในช่วงอายุประมาณ 6 เดือน เนื่องจากเคลือบฟันน้ำนมมีความหนาน้อยกว่าเคลือบฟันถาวรครึ่งหนึ่ง จึงเกิดฟันผุได้ง่ายกว่ามาก หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาฟันผุ คือ การเลี้ยงดูของครอบครัว เช่น การปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนม การรับประทานขนมตามใจชอบและไม่ยอมแปรงฟัน อีกทั้งผู้ปกครองหลายคนยังมีความเชื่อผิด ๆ ว่า ฟันน้ำนมไม่จำเป็นต้องดูแลก็ได้ เดี๋ยวก็มีฟันถาวรขึ้นมาแทนที่ จึงไม่ใส่ใจในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กเท่าที่ควร ยังขาดการเข้าถึง เข้าใจ และนำข้อมูลด้านการส่งเสริมสุขภาพช่องปากมาใช้ให้เป็นประโยชน์ มีหลายการศึกษาที่ระบุว่า ความแตกฉานด้านสุขภาพ (Health Literacy) ของผู้ปกครอง สัมพันธ์กับสภาวะฟันผุในเด็กเล็กอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยผู้ปกครองที่มีความแตกฉานด้านสุขภาพในระดับดี เด็กจะไม่มีฟันผุเกิดขึ้น นอกจากนี้ ฟันน้ำนมยังมีหน้าที่ในการบดเคี้ยวอาหาร ให้ความสวยงาม สร้างความมั่นใจให้เด็ก รวมถึงความประทับใจแก่ผู้พบเห็นอีกด้วย และสำคัญ คือ ช่วยกันที่ไว้สำหรับฟันถาวรที่กำลังจะขึ้นในอนาคต ดังนั้น หากมีการผุหรือสูญเสียฟันน้ำนมไปก่อนกำหนด จะทำให้เด็กมีความเจ็บปวด เคี้ยวอาหารไม่ได้ตามปกติ และได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ จึงส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเด็กได้
จากการสำรวจสภาวะช่องปากของเด็กในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลยะหา ปีงบประมาณ 2562 พบว่า มีฟันน้ำนมผุ ร้อยละ 84.84 สอดคล้องกับข้อมูลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพแห่งชาติ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งพบว่ากว่าร้อยละ ๕๐ ของเด็กไทยจะมีฟันผุก่อนเข้าเรียนในชั้นอนุบาล และยังพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีคราบจุลินทรีย์สะสมบริเวณคอฟัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแปรงฟันไม่สะอาดหรือผู้ปกครองไม่ได้แปรงฟันให้ก่อนมาโรงเรียน จากข้อมูลดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ปัญหายังอยู่ในระดับที่สูงมาก
โดยสรุป ปัญหาฟันน้ำนมผุเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งด้านชีวภาพและด้านสังคมสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยหลังนี้เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่ามีผลต่อการเกิดฟันผุค่อนข้างมาก งานทันตสาธารณสุขได้ตระหนักและเล็งเห็นว่า ปัญหาฟันน้ำนมผุเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อีกทั้งควรมีการกระตุ้นให้ผู้ปกครองเกิดการพัฒนา การเรียนรู้ ความเข้าใจ และพฤติกรรมของตนเองซึ่งเป็นด่านแรกที่มีความสำคัญในการเฝ้าระวัง ปลูกฝัง กวดขัน ให้เด็กเกิดทักษะและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง อันจะส่งผลให้เด็กมีสุขภาพช่องปากที่ดี รวมถึงมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามไปด้วย จึงเห็นควรให้จัดโครงการดังกล่าวนี้ขึ้น
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
1เพื่อกระตุ้นให้ผู้ปกครองตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กปฐมวัย
2เพื่อยกระดับความแตกฉานด้านสุขภาพของผู้ปกครอง ทำให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ ความเข้าใจและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม เพื่อการเฝ้าระวังการเกิดฟันผุในเด็กปฐมวัย
3เพื่อป้องกันและหยุดยั้งการเกิดฟันผุในเด็กปฐมวัย
4เพื่อสร้างเสริมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองและครูต่อการดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กปฐมวัย
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/03/2021
กำหนดเสร็จ 31/08/2021
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. เด็กปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลยะหา มีอัตราการเกิดฟันผุในฟันน้ำนมลดลง
2. ผู้ปกครองมีระดับความแตกฉานด้านสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กได้
3. ครูเกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยเพิ่มมากขึ้น
1. เด็กปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลยะหา มีอัตราการเกิดฟันผุในฟันน้ำนมลดลง
2. ผู้ปกครองมีระดับความแตกฉานด้านสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กได้
3. ครูเกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็กปฐมวัยเพิ่มมากขึ้น