2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ประชากรไทยมีอาชีพพื้นฐานอยู่ในภาคเกษตรกรรมมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีพิษทั้งแบบเฉียบพลัน และเรื้อรังตั้งแต่ระดับเล็กน้อยจนรุนแรงถึงแก่ชีวิตขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น ความเป็นพิษ และปริมาณที่ได้รับสารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง โดยการสัมผัสทางผิวหนังที่ไม่สวมถุงมือและรองเท้าบูท ป้องกันขณะทำงานกับสารเคมี การสูดหายใจละอองที่ฟุ้งกระจายในอากาศ และประชาชนส่วนใหญ่การรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่มีสารเคมีปนเปื้อน พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม รับประทานแกงถุงผักผลไม้ โดยไม่ล้างให้สะอาดเพียงพอ การใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน ยังมีการสัมผัสสารเคมีโดยไม่รู้ตัว เช่นการล้างห้องน้ำโดยใช้น้ำยาล้างห้องน้ำและขณะล้างห้องน้ำไม่ป้องกันตนเอง เช่นสวมถุงมือ สวมหน้ากากอนามัย และการใช้น้ำยาย้อมผม ก็ยังเป็นช่องทางหนึ่งจากการสัมผัสสารเคมี ดังนั้นทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีเพิ่มขึ้นซึ่งจะไปทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ ไต ปอด สมองผิวหนัง ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ และตาซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกายทางใด และปริมาณมากน้อยเท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการที่อวัยวะภายในร่างกายได้สะสมสารเคมีไว้จนถึงขีดที่ร่างกายไม่อาจทนได้จึงแสดงอาการต่างๆขึ้นมา เช่น โรคมะเร็ง โรคต่อมไร้ท่อ โรคเลือดและระบบภูมิคุ้มกันเป็นต้นซึ่งประชาชน ในหมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวง ส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยงจากการได้รับอันตรายจากสารเคมีและจากข้อมูลการเข้าร่วมโครงการของประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการสัมผัสสารเคมี ในปี 2567 พบว่าปริมาณของประชาชนที่เข้าร่วมโครงการในการตรวจหาสารเคมีตกค้างในเลือด จำนวน 90 คน พบว่า ปลอดภัย จำนวน 69 คน มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ไม่ปลอดภัย จำนวน 3 คน และมีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ระดับเสี่ยง จำนวน 18 คน จากการเจาะเลือดหาสารเคมีครั้งที่ 1 และได้นำกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ปลอดภัยและระดับเสี่ยง ทำการเจาะเลือดหาสารเคมีครั้งที่ 2 เว้นระยะในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มา 1 เดือน พบว่า มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ปลอดภัย จำนวน 10 คน ( ปลอดภัยเพิ่มขึ้น 47.62 % ) มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด ไม่ปลอดภัย จำนวน 1 คน ( ยังมีภาวะเสี่ยง อีก 4.76 % ) มีระดับปริมาณสารเคมีตกค้างในเลือด เสี่ยง จำนวน 10 คน ( ยังมีภาวะเสี่ยง อีก47.62 % ) ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่า ประชาชนในหมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวง ยังคงมีการสัมผัสสารเคมีอยู่เป็นจำนวนมาก ประชาชนยังขาดความรู้ ขาดความตระหนักในการป้องการตนเองจากการสัมผัสสารเคมี ซึ่งทำให้มีผลกระทบกับด้านสุขภาพโดยตรง ดังนั้นชมรมอสม.รพ.สต.บ้านหัวถนน จึงเล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพของประชาชน ในหมู่ที่ 1,2,4,5,6,9,10,11 และ 13 ตำบลชะมวง จึงได้จัดทำโครงการเฝ้าระวังความเสี่ยงของประชาชนจากการสัมผัสสารเคมี ปี 2568 ขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการตรวจสุขภาพและเจาะเลือดเพื่อดูว่ามีปริมาณสารเคมีตกค้างในกระแสเลือดอยู่ในระดับใดเพื่อทำการเฝ้าระวังและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงต่อไป
ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 03/02/2025
กำหนดเสร็จ 31/08/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ทราบถึงสถานการณ์สารเคมีที่ตกค้างในเลือดของประชาชน
2. เพื่อจะได้นำข้อมูลมาใช้ในการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การเฝ้าระวังและควบคุมโรคจากการสัมผัสสารเคมีของประชาชน
3. ประชาชนมีความรู่ในการป้องกันการสัมผัสสารเคมี มีทักษะและมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการเกิดโรคจากสารเคมี