แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลหนองจิก
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลตำบลหนองจิก
โรงพยาบาลหนองจิก
โรงพยาบาลหนองจิก
ลงพื้นที่ 7 ชุมชน ในเขตเทศบาลตำบลหนองจิก
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
จากการดำเนินงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี พบว่า ผลการดำเนินงานในภาพรวมของชุมชนเขตเทศบาลตำบลหนองจิก จำนวน ๗ ชุมชน ในตำบลตุยงปีงบประมาณ 25๖๐ และ ๒๕๖๑ ผลของความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในเด็กอายุครบ 1 ปี ได้แก่ วัคซีน BCG ร้อยละ ๘๘ , DTB-HB3 , OPV3 ร้อยละ 60.77 และ MMR1 ๗๑.๐๒ , วัคซีน BCG ร้อยละ 99.20 , HBV1 ร้อยละ99.20 , DTB-HB3OPV3 ร้อยละ 62.40 และ MMR1 74.40 , IPV1 ร้อยละ 20 เด็กอายุครบ 2 ปี ได้รับวัคซีน DTP4 , OPV4 ร้อยละ ๕6.65และJE๑ ๕6.65 , วัคซีน DTP4 , OPV4 ร้อยละ 61.17และJE161.17 เด็กอายุครบ 3 ปี ได้รับวัคซีน JE๒ ร้อยละ 67.59 , MMR2 ร้อยละ ๕๗ , วัคซีน JE2 ร้อยละ 61.54 , MMR2 ร้อยละ 61.54 และเด็กอายุครบ 5 ปี ได้รับวัคซีน DTP5 , OPV5 ร้อยละ ๕7.73 , วัคซีน DTP5 , OPV5 ร้อยละ 57.52 ตามลำดับ (ข้อมูลจาก HDCของ สสจ.ปัตตานี) จากรายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ในแต่ละช่วงอายุหรือบางรายไม่ได้รับวัคซีน ทำให้มีโอกาสเกิดโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนขึ้น ได้แก่ โรคหัด โรคหัด และโรคไอกรน เป็นต้น จากข้อมูลสถานการณ์โรคหัดในเขตเทศบาลช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2561 พบว่า เด็กในกลุ่มต่ำกว่า 12 ปี เกิดป่วยด้วยโรคหัด จำนวน ๑๒ ราย จากการไม่ได้รับวัคซีนหรือบางรายได้รับไม่ครบ ต้องเข้ารับการรักษาและนอนในโรงพยาบาลระยะเวลา 4-8 วัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ และปวดบวม ทำให้ผู้ปกครองต้องดูแลบุตรอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนต้องป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ได้รับการติดต่อโรคหัดจากลูกโดยการใส่ผ้าปิดจมูก และรับบริการฉีดวัคซีนหัด คางทูม หัดเยอรมัน ในกลุ่มผู้สัมผัสทุกคนในครอบครัวที่มีอายุต่ำกว่า ๑๒ ปีจากเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล พร้อมซักประวัติโรคหัดและการได้รับวัคซีนเป็นรายบุคคลในเด็กที่ป่วยและคนในบ้าน
จากการวิเคราะห์และสอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง พบว่า สาเหตุการได้รับวัคซีนในเด็กไม่ครบตามเกณฑ์หรือไม่ได้รับ เนื่องจากผู้ปกครองต้องไปประกอบอาชีพชายแดนมาเลเซียหรือต่างจังหวัด ทำให้ขาดนัดการได้รับวัคซีน กลัวเด็กจะมีไข้ทำให้ผู้ปกครองต้องหยุดงานและขาดรายได้ รวมทั้งเด็กอาศัยอยู่กับญาติ
ผู้ใหญ่ซึ่งมีความเชื่อและทัศนคติที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการได้รับวัคซีนทำให้ไม่พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีน จากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบในระยะยาวต่อกลุ่มเป้าหมายเด็กในชุมชนตำบลตุยง ดังนั้นคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของตำบลตุยงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพของเด็กแรกเกิดถึง 5 ปี และลดอัตราป่วยการเกิดโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนโดยเฉพาะโรคหัด เพื่อพัฒนางานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยการเสริมสร้างความเข้าใจของผู้ปกครองในการใช้สมุดบันทึกสุขภาพหน้าที่มีการบันทึกการได้รับวัคซีนเพื่อตรวจสอบประวัติการได้รับวัคซีนของบุตรครบถ้วนหรือไม่ตามเกณฑ์อายุ อาสาสมัครสาธารณสุขมีการติดตามเด็กที่ฉีดวัคซีนไม่ครบหรือไม่ได้รับ เจ้าหน้าที่ให้บริการวัคซีนเชิงรุกในรายที่ไม่สามารถมารับบริการได้ที่โรงพยาบาล และสำรวจเด็กที่เกิดใหม่หรือย้ายเข้าและย้ายออกเพื่อจัดทำฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน เพื่อความสะดวกในการติดตามและให้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 03/02/2020
กำหนดเสร็จ 31/08/2020
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ในชุมชนได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และลดอัตราการเกิดโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน
2. ครอบครัวมีความรู้ ความเข้าใจ และเกิดความตระหนักในการพาบุตรมารับบริการวัคซีนเพิ่มขึ้นและมีระบบการติดตามเด็กในชุมชน
3. เกิดระบบการทำงานเป็นเครือข่ายในการดูแลระบบสุขภาพของเด็กในชุมชน