แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ผดุงมาตร
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ผดุงมาตร
โรงพยาบาลจะแนะ
- อบต.ผดุงมาตร ตำบลผดุงมาตร อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส - มัสยิดในอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ประเทศไทยใน ช่วง 3 ปีมีผู้ติดยาที่มีอาการทางจิตเข้ารักษาปีละเกือบ 4 พันรายต่อปี นพ.เจษฎา โชคดำรงสุขอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การติดสารเสพติดเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เกิดขึ้นทีละน้อย จากการใช้ยาเป็นครั้งคราวสู่การใช้ถี่ขึ้น จนใช้ทุกวัน วันละหลายครั้ง ซึ่งเมื่อใช้บ่อยๆ อย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่ภาวะ "สมองติดยา" โดยสารในตัวยาจะเข้าไปทำลายสมองส่วนคิด ทำให้การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเสียไป สมองส่วนอยากจึงเข้ามามีอิทธิพลเหนือสมองส่วนคิด โดยเฉพาะช่วงอยากสารเสพติด ทำให้ผู้เสพติดทำอะไรตามใจตามอารมณ์มากกว่าเหตุผล การเปลี่ยนแปลงสารเคมีในสมอง ทำให้เกิดอาการจิตประสาทหลอนได้ง่าย โดยผู้เสพบางรายจะมีอาการ หลงผิด หวาดระแวง หูแว่ว เห็นภาพหลอน ซึ่งจะเป็นอยู่ครั้งคราวเมื่อมีการใช้สารเสพติดนั้น และหากมีการใช้เป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดอาการทางจิตอย่างถาวรได้ ซึ่งอาการจะคล้ายกับผู้ป่วย "โรคจิตเภท" คือนอกจาก หวาดระแวง มีหูแว่ว หลงผิด แล้วยังไม่สามารถรับรู้โลกความเป็นจริง มีความบกพร่อง ขาดการดูแลตนเองการดำรงชีวิตประจำวันอีกด้วย
ปัจจุบันมีรูปแบบการบำบัดยาเสพติดที่หลากหลาย ทั้งการบำบัดรักษาด้านร่างกาย บำบัดแบบค่าย และการรักษาด้านจิตใจ หนึ่งในทางเลือกของการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติดคือวิธีการศาสนบำบัด จากการศึกษาพบว่าอิสลามบำบัดมีแนวคิดและหลักการสำคัญ 4 ประการดังนี้ 1) อิสลามบำบัดไม่ใช่มุ่งเน้นการบำบัดสารเสพติดแต่มุ่งเน้นการพัฒนาความศรัทธาในศาสนาให้เพิ่มขึ้น เพราะความศรัทธาจะทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้ใช้สารเสพติด 2) การประกอบศาสนกิจจะทำให้ผู้ติดสารเสพติดลืมสารเสพติดได้ 3) การหายจากสารเสพติดไม่ได้มาจากความสามารถของมนุษย์แต่มาจากพระเจ้า และ 4) หลักการในศาสนาอิสลามเป็นหลักการที่สมบูรณ์สามารถแก้ไขปัญหาได้ (ณัฐนิชากันซัง,2560)
ข้อมูลจากการสำรวจผู้รับบริการในคลินิกจิตเวช ในปี 2562 พบว่าอำเภอจะแนะมีผู้ป่วยจิตเภทที่เข้าสู่กระบวนการรักษา ทั้งหมด จำนวน 162 ราย โดยมีผู้ป่วยจิตเภทจากการใช้ยาและสารเสพติด จำนวน 119 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.91 มีผู้ป่วยจิตเภทจากพฤติกรรม จำนวน 41 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.46 และมีผู้ป่วยจิตเภทจากพันธุกรรม จำนวน 2 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.23 ผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดยาเสพติดจำนวนทั้งหมด 78 ราย โดยหลังการบำบัดมีผู้ที่ไม่กลับไปเสพซ้ำ 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 79.49 และกลับไปเสพซ้ำ 16 ราย ราย คิดเป็นร้อยละ 20.51 มีผู้ป่วยที่มีการกำเริบซ้ำของโรคทั้งหมด จำนวน 20 ราย คิดเป็นร้อยละ 17.24 แบ่งได้ดังนี้ ในผู้ป่วยจิตเภทจากการใช้ยาและสารเสพติดมีการ จำนวน 16 รายคิดเป็นร้อยละ 13.44 ในผู้ป่วยจิตเภทจากพฤติกรรม จำนวน 4 รายคิดเป็นร้อยละ 9.75และไม่มีผู้ป่วยจิตเภทจากพันธุกรรมที่มีอาการกำเริบซ้ำ โดยผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยยาในคลินิกจิตเวช และฟื้นฟูบำบัดตามแนวทางจิตสังคมบำบัด
ดังนั้นหน่วยงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลจะแนะ จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการผสมผสานการบำบัดรักษาตามแนวทางจิตสังคมบำบัดในรูปแบบของอิสลามบำบัดโดยเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพของบุคคลให้สามารถดูแลตัวเองได้เต็มศักยภาพ และการฟื้นฟูอีมาน (หลักศรัธทา) เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งทางใจ จนสามารถอยู่ร่วมกับครอบครัวและชุมชนได้อย่างอิสระ
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/04/2020
กำหนดเสร็จ 30/09/2020
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?- เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาและสารเสพติด
- ครอบครัว และชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากการใช้ยาและสารเสพติด
- สามารถนำโมเดลไปปรับใช้ในผู้ใช้ยาและสารเสพติดรายอื่นๆในพื้นที่ที่มีบริบทใกล้เคียงกัน