2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ระหว่างปี 2559-2573 โครงการมาลาเรียโลก (Global Malaria Program) มีเป้าหมายมุ่งสู่การกำจัด โรคไข้มาลาเรียและผลักดันให้ประเทศที่มีอัตราป่วยด้วยโรคไข้มาลาเรียน้อยกว่า 1 ต่อพันประชากร ยกระดับนโยบายจากการควบคุมโรค (Malaria Control) เป็นนโยบายการกำจัดโรค (Malaria Elimination) และประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกได้สนับสนุนนโยบายดังกล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 66 ในปี 2556 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประเทศไทยร่วมกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ร่วมลงนามข้อตกลงในการผลักดัน นโยบายและสนับสนุนงบประมาณการกำจัดโรคไข้มาลาเรีย ในที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 9 ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ปี2557 นอกจากนี้การกำจัดโรคไข้มาลาเรียยังเป็นเป้าหมายหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals-SDGs) ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ(United Nation)และ ประเทศไทยได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวด้วย กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ได้พัฒนาแผนยุทธศาสตร์กำจัดโรคไข้มาลาเรียประเทศไทย พ.ศ.2560-2569 โดยการมีส่วนร่วมและได้รับข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์มาลาเรียโลก (Global Technical Strategy 2016-2030) และยุทธศาสตร์การกำจัดโรคไข้มาลาเรีย สำหรับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง (Strategy for Malaria Elimination in Greater Mekong Sub- region2015- 2030) ตลอดจนสอดคล้องกับกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ 20 ปี กระทรวงสาธารณสุขรวมถึงพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 การควบคุมโรคไข้มาลาเรียทั่วโลกในทศวรรษที่ผ่านมาประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ตั้งแต่ปี 2543 ถึง 2559แนวโน้มของโรคไข้มาลาเรียลดลงอย่างต่อเนื่องมากกว่าร้อยละ 75 ใน 55 ประเทศทั่วโลก และจำนวน ผู้ป่วยมาลาเรียทั่วโลกลดลงประมาณร้อยละ 47 สำหรับประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการควบคุมโรคไข้มาลาเรีย อย่างมีนัยสำคัญจำนวนผู้ป่วยลดลงจาก 150,000 ราย ในปี 2543 เหลือ 14,667ราย ในปี 2560หรือลดลง ประมาณร้อยละ 90 ผู้ป่วยส่วนใหญ่พบตามแนวชายแดนที่มีการเคลื่อนย้ายของประชากรข้ามพรมแดน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีปัญหาเชื้อมาลาเรียดื้อต่อยารักษา ซึ่งเป็นปัญหาของประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงสำหรับ
จังหวัดนราธิวาสเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีปัญหาโรคไข้มาลาเรียมาต่อเนื่องและมีการระบาดทุกปี พบว่าสถานการณ์โรคไข้มาลาเรียต่อแสนประชากร ปี 2561 ถึงปี 2563 (2.53, 3.66, 0.51) ตามลำดับส่วนใหญ่ผู้ป่วยประกอบอาชีพหรือปฏิบัติหน้าที่ในป่า สวน ไร่ ในเวลากลางคืนมากกว่าร้อยละ 70 ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะ พบมาก 2 ช่วง ระหว่างเดือนตุลาคมถึงมกราคม และพฤษภาคมถึงสิงหาคม ในจังหวัดนราธิวาสพบว่าอำเภอจะแนะมีผู้ป่วยเป็นอันดับที่ 5 อัตราป่วย 2.63 ในปี 2562และอำเภอจะแนะมีพื้นที่ตำบลช้างเผือกพบผู้ป่วยมาลาเรียมากที่สุดคือ อัตราป่วย 14.81 ในปี 2562 อย่างไรก็ตามในปี 2563 ตำบลช้างเผือกพบผู้ป่วยโรคไข้มาลาเรียจำนวนน้อย เพราะผลจากการควบคุมป้องกันโรคไข้มาลามีหลายองค์เข้ามาดำเนินงานกิจกรรมกำจัดโรค เช่น ตั้งหน่วยมาลาเรียคลินิกในชุมชน พ่นสารเคมีตกค้างในบ้านอาศัยเมื่อพบผู้ป่วย และค้นหาผู้ป่วยเพิ่ม พบว่า กิจกรรมดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมต่อการควบคุมโรคไข้มาลาเรียในพื้นที่ตำบลช้างเผือก ดังนั้นจึงต้องมีกิจกรรมกำจัดยุงตามพื้นที่รอบๆที่ตั้งบ้านเรือน และสนับสนุนให้ประชาชนใช้เจลที่ชุมชนทำเอง เพื่อป้องกันยุงกัด
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 08/08/2020
กำหนดเสร็จ 27/09/2020
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?ผลจาการดำเนินงานทำให้อัตราป่วยโรคไข้มาลาเรียลดลง และประชาชนได้รับการป้องกันโรคไข้มาลาเรีย ในพื้นที่และประชาชนเกิดความตระหนักและเห็นความสำคัญต่อการป้องกันโรคไข้มาลาเรีย