แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจำปาดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
นายบุญชงบังพะจาร
ห้องประชุมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านจำปาดง ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ปัจจุบันการดำเนินงานด้านทันตสาธารณสุขมุ่งเน้นเรื่องการส่งเสริมและป้องกันโรคเป็นสำคัญเนื่องจากการบริการใช้ต้นทุนน้อยกว่าด้านการรักษาและฟื้นฟูแต่จากข้อเท็จจริงของระบบสาธารณสุขไทยบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการด้านทันตสาธารณสุขยังมีไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงการดำเนินงานทันตสาธารณสุขในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นงานด้านรักษาทางทันตกรรมในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาโรคในช่องปากที่ปลายเหตุการจะดูแลให้ประชาชนมีสุขภาพช่องปากที่ดีนั้นต้องเริ่มตั้งแต่ตั้งครรภ์และต้องดูแลถึงที่บ้านรวมถึงในสถานศึกษาร่วมด้วยไม่ใช่เฉพาะในสถานบริการเท่านั้นเพื่อเป็นการสร้างสุขนิสัยที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเอง
ระบุสถานการณ์ หลักการและเหตุผล หรือ ที่มาของการทำโครงการ เพิ่มเติม4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 07/05/2020
กำหนดเสร็จ 07/05/2020
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. หญิงตั้งครรภ์มีความรู้และสามารถดูแลสุขภาพช่องปากตนเองได้พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นได้
2.เด็กแรกเกิดถึง 5 ปี ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากที่ถูกต้อง
3.ผู้ปกครองเด็กอายุ 3 – 5 ปี มีความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากตนเอง และบุตรหลานได้อย่างถูกต้องพร้อมทั้งให้คำแนะนำและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้อื่นได้