กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ โครงการเครือข่ายชุมชนเข้มแข็ง ป้องกันภัยโรคโควิด-19 รพ.สต.บ้านโคกยา
รหัสโครงการ 2565-L3310-1-
ประเภทการสนับสนุน ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต.
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ รพ.สต.บ้านโคกยา
วันที่อนุมัติ 2 มิถุนายน 2565
ระยะเวลาดำเนินโครงการ -
กำหนดวันส่งรายงาน
งบประมาณ 23,540.00 บาท
ผู้รับผิดชอบโครงการ นายพงษ์ศักดิ์ เผือกสม
พี่เลี้ยงโครงการ
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง
ละติจูด-ลองจิจูด place
stars
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
แผนงานป้องกัน แก้ปัญหา และฟื้นฟู ในสถานการณ์โควิด-19
stars
3. งวดสำหรับการทำรายงาน
stars
4. กลุ่มเป้าหมาย

(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)

กลุ่มเป้าหมายจำนวน(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
stars
5. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019(COVID-19) ที่ กำลังระบาดหนักอยู่ในขณะนี้ จัดอยู่ในกลุ่มเชื้อไวรัสโคโรนาซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎ พบครั้งแรกกลางทศวรรษที่ 1960 แต่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาอย่างชัดเจนว่ามาจากที่ใด เป็นไวรัสที่ สามารถติดเชื้อได้ทั้งในมนุษย์และสัตว์ ปัจจุบันมีการค้นพบไวรัสสายพันธุ์นี้แล้วทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ส่วนสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดหนักทั่วโลกตอนนี้เป็นสายพันธุ์ที่ยังไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพันธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็น “ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” และในภายหลังถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (Coronavirus Disease 2019(COVID-19)) เริ่มต้นขึ้น ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2562 แรกเริ่ม ถูกค้นพบจากสัตว์ โดยเป็นสัตว์ทะเลที่มีการติดเชื้อไวรัสนี้แล้วคนที่ อยู่ใกล้ชิดคลุกคลีกับสัตว์เหล่านี้ก็ติดเชื้อไวรัสมาอีกที โดยเริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน อันตรายที่ทำให้เสี่ยงถึงชีวิต จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานโรคของเราไม่แข็งแรง หรือเชื้อ ไวรัสเข้าไปทำลายการทำงานของปอด โดยเชื้อไวรัสจะแพร่กระจายลุกลามอย่างรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ปอดเกิดการเสียหายและสุญเสียการทำงานหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้ผู้ป่วย เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ประกาศให้การระบาดนี้เป็น ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2563 และประกาศให้เป็นโรค ระบาดทั่วไป ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2563 และวันที่ 15 มกราคม 2564 มีผู้ติดเชื้อยืนยันแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ทุกทวีป ทั่วโลก หรือ Pandemic ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก เมื่อวันที่ 15 ม.ค.63 กลับมาจากต่างประเทศ 31 ม.ค.63 ไทยรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อในประเทศไทย รายแรก(คนขับ Taxi) 26 ก.พ.63 กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 เป็นโรคติดต่ออันตราย 25 มี.ค.63 นายกฯประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับแรก ต่อจากนั้นพบมีการระบาดเรื่อยมา จนกระทั่งระบาดหนักที่สุดทั้งประเทศ ในเดือน เมษายน 2564 จนกระทั่งถึงเดือน มกราคม 2565 เป็นต้นมา เขตรับผิดชอบโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกยาพบผู้ป่วยรายแรก เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เพศหญิงอายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัทต่อจากนั้น พบการระบาดเรื่อยมา เป็นกลุ่มก้อน ละแวกบ้าน กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มวัยทำงาน และการระบาดลงสู่ครัวเรือนเดือนกุมภาพันธ์ -มีนาคม 2565 พบการระบาดมากที่สุดรวมทั้งในภาพรวมของอำเภอและจังหวัด ส่งผลกระทบทุกภาคส่วนเป็นวงกว้าง โดยจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกยาทั้งหมด 558/ประชากรทั้งหมด 2740 คิดเป็นอัตราป่วย 20364.96/แสนประชากร นับเป็นอัตราป่วยที่สูง
โรคโควิด-19 มีการแพร่เชื้อระหว่างคนในลักษณะเดียวกับไข้หวัดใหญ่โดยผ่านการติดเชื้อจาก ละอองเสมหะ จากการไอ ระยะเวลาระหว่างการสัมผัสเชื้อและเริ่มมีอาการ โดยทั่วไปแล้วอยู่ที่ 5 วัน แต่มีช่วงอยู่ระหว่าง 2 ถึง 14 วัน อาการที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้ ไอ และหายใจลำบาก ภาวะแทรกซ้อน อาจรวมไปถึงปอดบวม และกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน โดยยังไม่มีวัคซีน ที่ได้รับอนุญาตหรือ ยาต้านไวรัสจำเพาะ แต่กำลังมีการวิจัยอยู่ขณะนี้ การรักษาจึงพยายามมุ่งเป้าไปที่การจัดการกับอาการ และการรักษาแบบประคับประคอง มาตรการป้องกันที่มีการแนะนำคือการสวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ การอยู่ห่างจากบุคคลอื่น (โดยเฉพาะกับบุคคลที่ป่วย) ติดตามอาการ และกักตนเองเป็นเวลา 14 วัน ในกรณีที่สงสัยว่าตนอาจติดเชื้อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกยาตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกัน ควบคุมโรค และเสริมสร้างความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยการสร้างเครือข่ายการทำงาน ที่มีคุณภาพ เข้าถึงเร็ว ควบคุมเร็ว ในทุกเขตและพื้นที่ รวมถึงการใช้มาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่รวดเร็ว ฉับไว และการสร้างความรู้ความร่วมมือในการดูแลตนเอง ครอบครัว และชุมชน ในการควบคุมป้องกันโรค ด้วยหลัก Universal Prevention เป็นหลักครอบจักรวาลที่ได้ผลมากที่สุด การเฝ้าระวังตรวจจับคัดกรองผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยง การกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน เข็มกระตุ้น (Booster Dose) ให้ได้มากกว่าร้อยละ 60 และการเฝ้าระวังดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดอัตราป่วยและเสียชีวิต และพร้อมที่จะก้าวไปสู่ระยะของการเปลี่ยนผ่านไปสู่โรคประจำถิ่นอย่างปลอดภัย(เนื่องจากงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนในการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันในการปฏิบัติควบคุมโรคจาก Cupไม่เพียงพอ)

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 1.เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ในการควบคุมป้องกันโรค

๑.ประชาชนมีความรู้และปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามมาตรการ Universal Prevention ร้อยละ 95

0.00 0.00
2 2.เพื่อลดอัตราป่วยด้วยโรคโควิด-19

๒.ประชาชนได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่าร้อยละ 60

0.00
3 3.เสริมสร้างพลังและความเข้มแข็งของชุมชนในการควบคุมป้องกันโรคและเพื่อสร้างการดำเนินชีวิตแบบใหม่ New Normal Life

3.ลดอัตราป่วยลง 50% จากอัตราป่วยของปีที่ ผ่านมา

0.00
stars
7. การดำเนินงาน/กิจกรรม
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม กลุ่มเป้าหมาย
(คน)
งบกิจกรรม
(บาท)
ทำแล้ว
 
ใช้จ่ายแล้ว
(บาท)
วันที่ กิจกรรม 0 23,540.00 0 0.00
??/??/???? 1ประชุมให้ความรู้แกนนำ ภาคีเครือข่าย 0 3,750.00 -
??/??/???? 2.ประชุมทีม SRRT ระดับตำบล วางแผน การทำงาน 0 1,000.00 -
??/??/???? 3.ประชุมทีม เพื่อเยี่ยมติดตามกลุ่มเสี่ยง/กลุ่มป่วย 2 ครั้ง 0 1,000.00 -
??/??/???? 4.ประชุมให้ความรู้ทีม SRRT ตำบลเพื่อสรุปผลและวางแผนแก้ไขการทำงาน จำนวน 2 ครั้ง 0 1,000.00 -
??/??/???? 5.กิจกรรมทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ 0 16,790.00 -

 

stars
8. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1.อัตราป่วยด้วยโรคโควิด-19 ลดลง

2.ประชาชนมีความรู้ในการป้องกันตนเองที่ถูกต้อง
3.มีมาตรการการป้องกันโรคในชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน

stars
9. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 11:42 น.