โครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ สุขภาพดี วิถีมุสลิม
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ สุขภาพดี วิถีมุสลิม |
รหัสโครงการ | 65-L8407-02-05 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | ชมรมผู้สูงอายุตำบลย่านซื่อ |
วันที่อนุมัติ | 30 มีนาคม 2565 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 พฤษภาคม 2565 - 31 สิงหาคม 2565 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 15 กันยายน 2565 |
งบประมาณ | 25,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | 1.นายอาหมาด ดาหมาด 1.นายอับดลฆอนี รูบามา 3.นส.รสนา ลำโป 4.นายรอหิม หลงสมัน 5. นายบูฮาสัน ด่อละ |
พี่เลี้ยงโครงการ | นายวรวิทย์ กาเส็มส๊ะ |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลย่านซื่อ อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 30 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 100 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | ร้อยละของการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สาธารณะในการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน | 40.00 | ||
2 | ร้อยละของผู้สูงอายุที่ชอบบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม | 70.00 | ||
3 | ร้อยละหน่วยงาน สถานประกอบการ ที่มีกิจกรรมส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเช่น การออกกำลังกาย การมีการเคลื่อนไหวระหว่างการทำงาน | 60.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
สังคมไทย ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ หมายความว่าประชากรที่มีอายุ ๖๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีจำนวนและสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งองค์การสหประชาชาติ ให้คำนิยามว่า ประเทศใดที่มีประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนร้อยละ ๑๐ หรืออายุ ๖๕ ปีขึ้นไปเกินร้อยละ ๗ ของจำนวนประชากรทั้งหมด ถือว่าประเทศนั้นได้ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ และจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์เมื่อมีสัดส่วนประชากรอายุ ๖๐ ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๒๐ หรืออายุ ๖๕ ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๑๔ประชากรผู้สูงอายุของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก ๗.๐ ล้านคน หรือร้อยละ ๑๐.๗ในปี ๒๕๕๐ เป็น ๗.๕ ล้านคน หรือร้อยละ ๑๑.๗ ในปี ๒๕๕๓ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น ๑๔.๕ ล้านคน หรือร้อยละ ๒๐ ในปี ๒๕๖๘ หรือ ๑ใน ๕ จะเป็นประชากรผู้สูงอายุ ในขณะที่แนวโน้มผู้สูงอายุอยู่คนเดียวหรืออยู่ลำพังกับคู่สมรสเพิ่มมากขึ้น โดยพบว่าผู้สูงอายุอยู่คนเดียวเพิ่มจากร้อยละ ๓.๖ ในปี ๒๕๓๗ เป็น ๗.๖ ในปี ๒๕๕๐ ซึ่งมีผลต่อการให้การดูแลผู้สูงอายุทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อายุยิ่งสูงยิ่งเจ็บป่วย โดยเฉพาะเจ็บป่วยด้วยโรคไร้เชื้อ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น รักษาไม่หาย มีภาวการณ์พึ่งพาต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่องและการดูแลระยะยาว ผู้สูงอายุจำนวนมากมีปัญหาข้อเข่าเสื่อม ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันการจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุโดย เฉพาะการจัดให้มีส้วมนั่งราบห้อยขาในทุกสถานบริการและในชุมชนเพื่อลดความรุนแรงจากโรคข้อเข่าเสื่อม จึงมีความสำคัญ
ผู้สูงอายุถือว่าเป็นปูชนีย์บุคคลของสังคมที่มีคุณค่ายิ่งเนื่องจากผ่านประสบการณ์มามาก ได้เคยเป็นกำลังสำคัญของสังคมมาก่อนมีความรู้มีทักษะ อนุรักษ์ และสืบทอด ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิตดั้งเดิม และได้ทำคุณประโยชน์แก่สังคมมาแล้วมากมายจำเป็นอย่างยิ่งที่คนรุ่นหลังจะต้องให้ความสำคัญ ในการยกย่องให้การดุแลผู้สูงอายุเหล่านี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีสุขภาพจิต สุขภาพกายเป็นการเชิดชูเกียรติให้ผู้สูงอายุสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
ชมรมผู้สูงอายุตำบลย่านซื่อร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลย่านซื่อและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลย่านซื่อได้ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุมาโดย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถือว่าการปฏิบัติต่อผู้สูงอายุถือเป็นภารกิจหลักที่จะต้องดำเนินการอย่างเต็มที่อย่างต่อเนื่อง และควบคู่ไปกับกลุ่มอื่น ๆในสังคม เช่น เด็กเยาวชนและสตรี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนในสังคมต่อไป
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพิ่มพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน ร้อยละของการใช้ประโยชน์ของพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการมีกิจกรรมทางกายของคนในชุมชน |
40.00 | 60.00 |
2 | เพิ่มการมีกิจกรรมทางกายในสถานที่ทำงาน ร้อยละหน่วยงาน สถานประกอบการ ที่มีกิจกรรมส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกาย การมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวระหว่างการทำงาน |
60.00 | 80.00 |
3 | เพื่อลด จำนวนผู้สูงอายุที่ติดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ร้อยละของผู้สูงอายุที่ชอบบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ลดลง |
70.00 | 50.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 150 | 25,000.00 | 0 | 0.00 | |
1 - 30 มิ.ย. 65 | กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาทักษะทางกายใจและสุขภาพจิต | 150 | 20,000.00 | - | ||
1 - 20 ส.ค. 65 | กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อนร่วมป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า กรณีเสียชิวิตจากโรคโควิด-19 | 0 | 5,000.00 | - |
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2564 00:00 น.