โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อดูแลสุขภาพข้อเข่าในกลุ่ม วัยทำงาน ผู้สูงอายุและญาติ ชุมชนหลังโรงพัก
ชื่อโครงการ | โครงการส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อดูแลสุขภาพข้อเข่าในกลุ่ม วัยทำงาน ผู้สูงอายุและญาติ ชุมชนหลังโรงพัก |
รหัสโครงการ | 66-L8008-02-33 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 2 สนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคของกลุ่มหรือองค์กรประชาชน/หน่วยงานอื่น |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | กลุ่มหรือองค์กรประชาชน |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ชุมชนหลังโรงพัก |
วันที่อนุมัติ | 25 สิงหาคม 2566 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 1 กันยายน 2566 - 31 ธันวาคม 2566 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 มกราคม 2567 |
งบประมาณ | 36,150.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางสาวชุติมา พูนผล |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ชุมชนหลังโรงพัก |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
งวด | วันที่งวดโครงการ | วันที่งวดรายงาน | งบประมาณ (บาท) | |||
---|---|---|---|---|---|---|
จากวันที่ | ถึงวันที่ | จากวันที่ | ถึงวันที่ | |||
1 | 1 ก.ย. 2566 | 31 ธ.ค. 2566 | 36,150.00 | |||
รวมงบประมาณ | 36,150.00 |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | 10 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน : ระบุ |
||
กลุ่มวัยทำงาน | 50 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มวัยทำงาน : |
||
กลุ่มผู้สูงอายุ | 20 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้สูงอายุ : |
||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านภาวะสุขภาพ จึงมักพบการเกิดโรคในลักษณะของการเสื่อมสภาพของร่างกาย อีกทั้งด้วยสภาพการณ์ในปัจจุบันที่มีการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ออกไปจากเดิมส่งผลให้ผู้คนมักมีอาการเจ็บป่วยก่อนวัยอันควร โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยทางกล้ามเนื้อ ข้อต่อ และกระดูก ที่สามารถพบได้ในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี นอกจากนี้ยังพบว่าโรคข้อที่มีความเสื่อมมากที่สุด คือ โรคข้อเข่าเสื่อม เนื่องจากข้อเข่าถือเป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ ต้องรับน้ำหนักของร่างกายโดยตรง และยังทำหน้าที่เคลื่อนไหวเกือบตลอดเวลา ส่งผลให้มีความเสื่อมไปตามการใช้งานมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันรูปแบบการดำรงชีวิตมีความแตกต่างกันไป ทั้งนิสัยการทานที่ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หรือการเคลื่อนไหนร่างกายที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ ดังนั้น อาการข้อเข่าเสื่อมจึงถือเป็นปัญหาสำคัญของระบบบริการสุขภาพ เนื่องจากเป็นโรคข้อที่พบได้มากที่สุด และยังเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญให้ทุพพลภาพ โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้กำหนดให้วันที่ 12 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันโรคข้อสากล (World Arthritis Day)” มีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักรู้ ลดความเสี่ยง และมีแนวทางในการป้องกันข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร
ปัญหาสุขภาพข้อเข่า มักพบได้หลากหลายช่วงวัย พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยภาวะของโรคข้อเข่าที่เรารู้จักกันคือ โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) คือโรคที่มีอาการปวดเมื่อยเวลาใช้งานข้อเข่า บางครั้งมีเสียงกรอบแกรบเวลาเคลื่อนไหว มีอาการข้อตึงหรือข้อติดเวลาใช้งานนานๆ เมื่อเป็นมากจนกระดูกผิวข้อสึกทำให้มีอาการปวดมากขึ้น อาจพบข้อเข่าผิดรูปได้ ทำให้ผู้ป่วยเกิดความยากลำบากในการเคลื่อนไหวร่างกายอันเป็นภาระต่อตนเองและผู้ดูแลทั้งยังมีเรื่องของภาระค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันการรักษาโรคอาการทางเข่านั้นยังไม่ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง รวมทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแลเองก็ยังขาดความรู้ความเข้าใจในอาการที่เจอรวมถึงขาดความรู้ในการดูแลตนเองเบื้องต้น ทำให้คนมักหันไปพึ่งการรักษาด้วยยา ซึ่งการได้รับยารักษาโรคกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นระยะเวลานานนั้น ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงและส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น เลือดออกในกระเพาะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง อาจทำให้เกิดภาวะกระดูกผุข้อเสื่อมเร็วขึ้น ทั้งยังส่งผลให้อวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างไตทำงานหนักอีกด้วย ดังนั้นหากมีวิธีการดูแลสุขภาพข้อเข่าแบบไม่ใช้ยาหรือรับการผ่าตัด จึงเป็นทางเลือกแรกที่คนให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพข้อเข่า
ภูมิปัญญาไทย หรือ ภูมิปัญญาชาวบ้าน ในด้านสมุนไพรไทยรวมถึงศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบแผนไทยนั้น ปรากฏให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจากทางรัฐบาลไทยได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถดูแลตนเองไม่เป็นภาระไม่ต้องเข้าสูระบบสุขภาพ โดยในทางการแพทย์แผนไทย โรคจับโปงแห้งเข่าหรือโรคข้อเข่าเสื่อมนั้นถือเป็นโรคลมชนิดหนึ่งที่เกิดจากอาหาร อากาศ และน้ำ โดยโรคจับโปงแห้งมักจะเป็นจับโปงน้ำมาก่อนเมื่อปล่อยไว้จึงกลายเป็นจับโปงแห้ง คือมีอาการสะบ้าเจ่า ทำให้สะบ้ายึดติด มีหินปูนเกาะทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ ซึ่งปัญหาสุขภาพเข่าทั้งสองแบบนั้นส่งผลให้การนั่ง การลุก การเดิน มีความยากลำบาก และนอกจากอายุจะเป็นปัจจัยสำคัญของโรคข้อเข่าแล้ว ยังพบว่า อาชีพหรือการทำงานหนักก็จัดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการข้างต้นเช่นกัน การรักษาหรือบรรเทาอาการปวดเข่าด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านจึงมีการรักษาหลากหลายวิธี เช่น การจ่ายยาสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการปวด การสั่งหัตถการนวดและประคบสมุนไพร บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้ออันเป็นผลมาจากอาการปวดเข่า และการพอกยาสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการปวดเข่าโดยตรง โดยการพอกยาสมุนไพรที่มีรสประธานฤทธิ์ร้อน เพื่อแก้อาการปวดเข่า ในลักษณะของโรคจับโปงแห้งเข่า (ข้อเข่าเสื่อม) เพื่อช่วยกระจายลมไม่ให้เกิดการคั่งหรืออั้นที่ข้อเข่า ทำให้อาการปวดและอาการฝืดในข้อเข่าลดลง เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น และการใช้ยาพอกเข่าที่มีรสประธานฤทธิ์เย็น เพื่อบรรเทาอาการปวดเข่าที่มีอาการของโรคจับโปงน้ำ เป็นต้น
ดังนั้น เพื่อเป็นป้องกันปัญหาสุขภาพข้อเข่าที่จะเกิดขึ้นในกลุ่มวัยทำงาน ผู้สูงอายุและญาติ ในชุมชนหลังโรงพัก อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านชุมชนหลังโรงพัก จึงจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้หันมาเลือกใช้วิธีการทางการแพทย์แผนไทยในการดูแลสุขภาพเข่าด้วยตนเอง เสริมสร้างองค์ความรู้ในการดูแลสุขภาพข้อเข่า การออกกำลังกายที่เหมาะสม รวมถึงการเรียนรู้สรรพคุณของสมุนไพร การพอกเข่าสมุนไพร และการทำลูกประคบสมุนไพร ให้แก่ กลุ่มวัยทำงาน ผู้สูงอายุและญาติ รวมทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านชุมชนหลังโรงพัก ตำบลพิมาน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการฯมีความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้สมุนไพรท้องถิ่น ร้อยละ 80ของประชาชนกลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง |
0.00 | 80.00 |
2 | ส่งเสริมให้ ประชาชนและ อสม.ในการใช้สมุนไพรท้องถิ่นประดิษฐ์ลูกประคบได้ มีตัวอย่างการใช้สมุนไพรท้องถิ่นอย่างน้อย 5ิ รายการในการประดิษฐ์ลูกประคบ |
5.00 | |
3 | เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพข้อเข่าในเขตชุมชนหลังโรงพัก ร้อยละ 80 ของกลุ่มเป้าหมายมีความพึงพอใจในกิจกรรม |
80.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 36,150.00 | 0 | 0.00 | |
1 ก.ย. 66 - 31 ต.ค. 66 | การประชาสัมพันธ์โครงการในพื้นที่ | 0 | 850.00 | - | ||
1 พ.ย. 66 - 31 ธ.ค. 66 | การอบรมความรู้ด้านการดูแลสุขภาพเข่าด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน | 0 | 19,300.00 | - | ||
1 พ.ย. 66 - 31 ธ.ค. 66 | กิจกรรมพอกเข่าและการทำลูกประคบสมุนไพร | 0 | 16,000.00 | - | ||
1 - 31 ธ.ค. 66 | กิจกรรมติดตามประเมินผลการใช้ลูกประคบและการพอกเข่า | 0 | 0.00 | - |
- ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนำความรู้ด้านการบำบัดรักษาอาการปวดเข่าด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทยไปใช้ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่าได้จริง
- อสม.ชุมชนหลังโรงพัก มีความรู้ความสามารถในการดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุที่มีอาการปวดข้อเข่าในเขตชุมชนที่ตนรับผิดชอบ
- สามารถป้องกันและควบคุมอาการปวดเข่าของประชาชนในชุมชนหลังโรงพักได้
- ประชาชนชุมชนหลังโรงพัก หันมาใช้ศาสตร์การแพทย์แผนไทย เป็นทางเลือกแรกในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้น
- อัตราผู้ป่วยโรคไต จากการกินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ของชุมชนลดลง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2566 13:03 น.