กองทุนสุขภาพตำบล - กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น - กปท

แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์

รายงานฉบับสมบูรณ์


โครงการ
“ โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1) ”
ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี



หัวหน้าโครงการ
นางสาวฎารตา จินดารัตน์




ชื่อโครงการ โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1)

ที่อยู่ ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี จังหวัด ปัตตานี

รหัสโครงการ 68-L7884-1-15 เลขที่ข้อตกลง

ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึง 31 สิงหาคม 2568

กิตติกรรมประกาศ

"โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1) จังหวัดปัตตานี" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองปัตตานี ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป

คณะทำงานโครงการ
โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1)



บทคัดย่อ

โครงการ " โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1) " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลสะบารัง อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี รหัสโครงการ 68-L7884-1-15 ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 กุมภาพันธ์ 2568 - 31 สิงหาคม 2568 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 43,520.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล เทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้

โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ

หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"


สารบัญ

กิตติกรรมประกาศ»
บทคัดย่อ»
   ความเป็นมา/หลักการเหตุผล»
   วัตถุประสงค์โครงการ»
   กิจกรรม/การดำเนินงาน»
   กลุ่มเป้าหมาย»
   ผลลัพธ์ที่ได้»
   การประเมินผล»
   ปัญหาและอุปสรรค»
   ข้อเสนอแนะ»
   เอกสารประกอบอื่นๆ»

ความเป็นมา/หลักการเหตุผล

ประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ (Aged Society) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 โดยมีประชากรสูงอายุร้อยละ 10.4 (7.2ล้านคน) ในปี 2561 ปัจจุบันมีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 17.5 (7.2ล้านคน) ในปี 2561 ปัจจุบันมีประชากรผู้สูงอายุร้อยละ 17.5 (11.6 ล้านคน) และปี 2562 จะเป็นครั้งแรกที่ประเทสไทยมีประชากีผู้สูงอายุมากกว่าวัยเด็กในอนาคตอันใกล้ประชากรผู้สุงอายุจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และประเทสไทยจะกรายเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ (Complete Aged Society) ในปี พ.ศ. 2564 และคาดว่าในปี พ.ศ. 2574 ก็จะกรายเป็นสังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด (Super Aged Society) คือ มีประชากรผู้สูงอายุ ร้อยละ 28 ทั้งนี้ ผู้สูงอายุจะมีความเสื่อมถอยของร่างกายรวมทั้งความสามรถในการจดจำการรับรู้ จนสูญเสียความสามารถทางสมอง จะมีการดำเนินโรคกรายเป็นโรคอัลไซเมอร์ อยู่ที่ร้อยละ 6 -15 ปี (สถาบันเวชศาสตร์ฯ,2561) ภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อยเจอได้บ่อยมากในผู้สุงอายุ ซึ่งความชุกของภาวะนี้จะสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น โดยพบความชุกร้อยละ 6.7 ในกลุ่มอายุ 60- 64 ปี,ร้อยละ 8.4 ในกลุ่มอายุ 65-69 ปี ,ร้อยละ 10.1 ในกลุ่มอายุ 70-74 ปี ร้อยละ 14.8 ในกลุ่มอายุ 75-79 ปี และร้อยละ 25.2 ปี ในกลุ่มอายุ 80-84 ปี และมีอุบัติการณ์ที่มีภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย ที่อายุมากกว่า 65 ปี เมื่อติดตามไปเป็นระยะเวลา 2 ปี มีโอกาสในการเกิดภาวะสมองเสื่อมอยู่ที่ร้อยละ 14.9 (ภรัญวิทย์ อนันต์ดิลฤทธิ์,2566) ภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อยเป็นความผิดปกติที่อยู่ระหว่าง ภาวะสมองเสื่อมกับการหลงลืมตามปกติของผู้สูงอายุ เกิดจากภาวะถดถอยในการทำงานของสมอง จากการสูญเสียเซลล์ประสาท โดยเริ่มจากส่วนใดส่วนหนึ่งแล้วจึงลุกลามไปยังสมองส่วนอื่นๆ ความเสื่อมถอยนี้จะดำเนินไปอย่างช้าๆแบบค่อยเป็นค่อยไป วึ่งอาจใช้เวลานานหลายปี ความผิดปกติจะปรากฎจนสังเกตได้ เมื่อเซลล์ประสาทในสมองที่มีบทบาทสำคัญในการจดจำข้อมูลต่างๆถูกทำลายลง อาการสำคัญที่มีภาวะการรุ้คิดบกพร่องเล็กน้อยจึงเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับความจำจนนำมาสู่ภาวะสมองเสื่อม ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันการรักษาภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อยมีทั้งวิธีการใช้ยาและวิธีการที่ไม่ใช้ยา ซึ่งวิธีการที่ไม่ใช้ยามีหลายวิธี เช่น การฝึกจำ การฝึกการรู้คิด การบำบัดด้วยกิจกรรม วิธีเหล่านี้เป็นวิธีหนึ่งที่นำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทางสมอง ช่วยสร้างความสมดุลให้กับสมองช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ประสาทสมองขึ้นมาใหม่ หรือการเชื่อมต่อกันของเซลล์ประสาทอย่างแข็งแรงและมีประสิทธิภาพเป็นการชะลอและป้องกันไม่ให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้ แนวคิดการกระตุ้นการรู้คิด การฝึกจำ เพื่อการบำบัดรักษาผู้ที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อยจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาด้วย   ปัจจุบันทางการดูแลรักษาภาวการณ์รุ้คิดบกพร่องมีหลายวิธีทั้งแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา การกระตุ้นสมองเป็นส่วนหนึ่งในรูปแบบของการดูแลแบบไม่ใช้ยา ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่อง เนื่องจากช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยาได้ โดยแนวทางเวชปฎิบัติภาวะสมองเสื่อม Neurological lnstitute of Thailand (2014) ได้มีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบำบัดสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ ไว้หลายรูปแบบ เช่น การรักษาที่เน้นเรื่องอารมณ์ (Emotion-oriented) การรักษาที่เน้นปรับพฤติกรรม (Behavior oriented) การรักษาที่เน้นผู้ดูแล (Caregiver-oriented) การรักษาที่เน้นการกระตุ้น (Stimulation-oriented) การใช้ศิลปะบำบัด (Art therapy) การรักษาที่เน้นการรู้คิด (Cognition-oriented) การบำบัดโดยการรรับรู้ความเป็นจริง (Realition oriention ) ดารระลึกความหลัง (Reminiscence therapy) เป็นต้น การเลือกใช้รูปแบบในการบำบัดจำเป็นต้องคำนึงถึงระดับความรุนแรงของโรคและขีดความสามารถในการเรียนรู้ของผู้ป่วยเป็นหลักโดยในผู้สูงอายุที่มีการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย จัดอยู่ในระยะความรุนแรงของโรคในระยะเริ่มต้น การดูแลและบำบัดที่เหมาะสมจึงเป็นการบำบัดแบบป้องกันเชิงรุกมากกว่าการฟื้นฟูรักษามีวัตถุประสงค์หลักเพื่อชะลอไม่ให้ดำเนินโรคเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อม รวมทั้งอาจช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้กลับมามีการรู้คิดที่ปกติตามวัยได้   จากประสบการณ์ทำงานผู้สุงอายุ ในช่วงระยะเวลา 3 ปี ที่ผ่านมา ผู้สูงอายุที่ได้รับกสนคัดกรองด้วยแบบประเมินสมรรถภาพสมอง Mini-Cog แล้วพบว่า ผู้สุงอายุที่มีปัญหาด้านความจำเข้าคลินิกกผู้สุงอายุโรงพยาบาลปัตตานี เพื่อคัดแยกผู้สูงอายุที่สงสัยมีภาวการณ์รุ้คิดบกพร่องเล็กน้อน กับผู้สูงอายุที่สงสัยมีภาวะสมองเสื่อมด้วยเครื่องมือ MMSE-Thai2002 (Mini-mentat State Exmination) และเครื่องมือ MoCA (Montreal Assessment) กลุ่มที่มีคะแนน ˂ 25 คะแนน ถือเป็นผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย คิดเป็นร้อยละ 29.81 (31/104) ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีคิดเป็นร้อยละ 30.30 (10/33) จำเป็นที่ต้องได้รับการฝึกกระตุ้นสมอง ด้วยคู่มือพัฒนาศักยภาพในผู้สูงอายุที่มีการรุ้คิดบกพร่องเล็กน้อย สำหรับประชาชนของสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุกรมการแแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขจากการทดลองใช้เครื่องมือดังกล่าวในคลินิกผู้สุงอายุในโรงพยาบาลปัตตานี เป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่ามีปัญหาในการทำกิจกรรม เนื่องจากแบบประเมินมีจำนวนข้อคำถามเยอะมากใช้ระยะเวลานาน นอกจากนี้ผู้สูงอายุในพื้นที่ส่วนใหญ่จบการศึกษา ปีที่ 4 ส่งผลให้อ่านหนังสือไม่ได้หรืออ่านหนังสือได้เล็กน้อยบางส่วนมีปัญหาด้านการมองเห็นและการสื่อสารทำให้ผู้สุงอายุเกิดความเบื่อหน่ายท้อแท้ในการทำกิจกรรม ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจและไม่สามารถทำกิจกรรมได้ทั้งหมด ทีมสุขภาพทั้งแพทย์และพยาบาลในคลินิกผู้สุงอายุ โรงพยาบาลปัตตานีจึงได้มีการประชุมปรึกษาหารือในการจัดทำกิจกรรมเนื่องจากลักษณะคำถามบางข้อไม่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่โดยยังคงรูปแบบการกระตุ้นความสามารถของสมองในผู้สูงอายุที่มีการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อยของสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญานสังวรเพื่อผู้สูงอายุกรมการแพทย์อย่างเป็นระบบ 4 ด้าน 1.ด้านความสนใจใส่ใจ 2. ด้านความจำ 3. ด้านมิติสัมพันธ์ 4. ด้านการคิด การตัดสินใจ บริหารจัดการ ในฐานะเป็นพยาบาลทีมสุขภาพในคลินิกผู้สูงอายุโรงพยาบาลปัตตานี ตระหนักและเห็นความสำคัญในากรจัดทำกิจกรรมในรูปแบบเกม เพื่อเป็นการกระตุ้นสมรรถภาพสมองของผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของชุมชน ซึ่งผู้สูงอายุในชุมชนส่วนใหญ่ใช้มือถือในการโทรศัพท์เท่านั้นไม่สามารถใช้มือถือในการเล่นเกมที่บ้านเพื่อกระตุ้นสมองได้ การให้ผู้สูงอายุฝึกกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอที่บ้าน จะช่วยกระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ประสาทสมองขึ้นมาใหม่คงไว้ซึ่งการทำงานของเซลล์ประสาทสมองให้เชื่อมต่อกันอย่างแข็งแรงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางการส่งเสริมความจำการรับรู้และการตัดสินใจของผู้สูงอายุ การประเมินความทรงจำของผุ้สูงอายุ หลังการเล่นเกมฝึกสมอง ด้วยเครื่องมือแบบทดสอบประเมินภาวะสมอง MoCA (Montreal Cognitive Assessment) ซ้ำอีกครั้งของสถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุกรมการแพทย์เพื่อชะลอหรือป้องกันการเปลี่ยนแปลงหรือลดอัตราการเกิดปัญหาของความจำเป็นที่เสื่อมถอยเพื่อให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่อนคลายคงามเครียด ขจัดความนึกคิดต่างๆที่เป็นเหตุให้สมองเกิดความวุ่นวายฟุ้งซ่านซึ่งเป็นการช่วยให้สมองได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอปรับปรุงแก้ไขการทำงานของเส้นประสาทต่างๆ ในสมองให้กลับสู่สภาพสมดุลได้ ลดอาการหรือความผิดปกติที่จะเกิดจากประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่เสื่อมถอยลงคืนประสิทะิภาพสมบูรณ์สามารถชะลอหรือลดอัตราการเกิดปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านความจำในผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงได้เล็งเห็นว่าการส่งเสริมความจำด้วยการกระตุ้นสมองด้วยการเล่นเกม เป็นกระบวนการเชิงโครงสร้างที่เริ่มตั้งแต่การรับข้อมูลการบันทึกข้อมูลและการและการเรียกข้อมูลกลับมาใช้ได้เป็นลักษณะที่ต่อเนื่องกันเพื่อคงไว้ซึ่งข้อมูลที่ได้รับและสามารถนำกลับมาใช้หรือระลึกถึงเรื่องราวนั้นได้เมื่อต้องการร่วมกับกลยุทธ์ในการช่วยจำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจำมากเป็นสิ่งที่จำเป็นกับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย จึงได้พัฒนากิจกรรมในรูปแบบกิจกรรมเกมดังกล่าว   ดังนั้นงานผู้สูงอายุ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โีงพยาบาลปัตตานี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาในผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย และเพื่อชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุในชุมชน เป็นการให้ผู้สูงอายุแกนนำสุขภาพในชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุฝนชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันปัญหาสุขภาพดังกล่าวจึ่งได้จัดทโครงการนี้ขึ้น

สถานการณ์

วัตถุประสงค์โครงการ

  1. 1. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนมีคสามรู้ในการประเมินภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อยเบื้องต้นของผู้สูงอายุในชุมชนได้ 2. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรู้ในการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย 3. เพื่อลดอัตราผู้สูงอายุในชุมชนที่เกิดภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุที่จะเข้ามารักษาพยาบาลในคลินิกโรงพยาบาลปัตตานี

กิจกรรม/การดำเนินงาน

    กลุ่มเป้าหมาย

    กลุ่มเป้าหมายจำนวนที่วางไว้
    กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
    กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
    กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
    กลุ่มวัยทำงาน
    กลุ่มผู้สูงอายุ
    กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
    กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
    กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
    กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
    กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
    สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]

    ผลที่คาดว่าจะได้รับ

    1. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพในชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรู้ความเข้าใจในการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกันภาวะสมองเสื่อมในผู้สุงอายุที่จะนำไปสุ่ภาวะสมองเสื่อมและถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นเพื่อนำไปใช้กับผู้สูงอายุในชุมชนได้
    2. เพื่อป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สุงอายุในชุมชน
    3. เพื่อลดอัตราภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุในชุมชนที่จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในคลินิกโรงพยาบาลปัตตานี

    ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน

    วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
    ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
    กิจกรรมของโครงการ
    ผลผลิต*
    ผลผลิตที่ตั้งไว้ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง

    * ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
    ** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น


    ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม

    ผลการดำเนินโครงการ

    สรุปผลการดำเนินโครงการ

    ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
    บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
    บรรลุตามวัตถุประสงค์บางส่วนของโครงการ
    ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการ

     

    ผลผลิตโครงการ

    วัตถุประสงค์สถานการณ์เป้าหมายผลผลิตอธิบาย
    1 1. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนมีคสามรู้ในการประเมินภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อยเบื้องต้นของผู้สูงอายุในชุมชนได้ 2. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรู้ในการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย 3. เพื่อลดอัตราผู้สูงอายุในชุมชนที่เกิดภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุที่จะเข้ามารักษาพยาบาลในคลินิกโรงพยาบาลปัตตานี
    ตัวชี้วัด : 1. ผู้สุงอายุในชมรมผู้สุงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพในชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรู้ความเข้าใจในการประเมินภาวการณ์รุ้คิดบกพ่องเล็กน้อยเบื้องต้นของผู้สูงอายุในชุมชน ร้อยละ 80 2. ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรุ้ในการพัฒนาศักยภาพสมองของผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย ร้อยละ 80 3. เพื่อลดอัตราภาวะสมองเสื่อมของผู้สุงอายุในชุมขนที่จะเข้ามารับการรักษาพยาบาลในคลินิกโรงพยาบาลปัตตานีน่อยกว่าร้อยละ 10

     

    ผู้เข้าร่วมโครงการ

    กลุ่มเป้าหมายจำนวนที่วางไว้(คน)จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
    จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 0
    กลุ่มเป้าหมายจำนวนที่วางไว้(คน)จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
    กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
    กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน -
    กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน -
    กลุ่มวัยทำงาน -
    กลุ่มผู้สูงอายุ -
    กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
    กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด -
    กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง -
    กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ -
    กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง -
    สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] -

    บทคัดย่อ*

    โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) 1. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชนมีคสามรู้ในการประเมินภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อยเบื้องต้นของผู้สูงอายุในชุมชนได้ 2. เพื่อให้ผู้สูงอายุในชมรมผู้สูงอายุ 3 ตำบล แกนนำสุขภาพชุมชน/ผู้ดูแลผู้สูงอายุในชุมชน มีความรู้ในการพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีปัญหาภาวการณ์รู้คิดบกพร่องเล็กน้อย 3. เพื่อลดอัตราผู้สูงอายุในชุมชนที่เกิดภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุที่จะเข้ามารักษาพยาบาลในคลินิกโรงพยาบาลปัตตานี

    ผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่

    ข้อเสนอแนะ ได้แก่ (1) ...

    หมายเหตุ *

    • บทคัดย่อ จะนำไปใส่ในส่วนบทคัดย่อของรายงานฉบับสมบูรณ์
    • หากต้องการใช้ค่าเริ่มต้นของบทคัดย่อ ให้ลบข้อความในช่องบทคัดย่อ ทั้งหมด แล้วกดปุ่ม Refresh

    ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ

    ปัญหาและอุปสรรคสาเหตุข้อเสนอแนะ

     

     

     


    โครงการพัฒนาศักยภาพสมองในผู้สูงอายุที่มีภาวะการรู้คิดบกพร่องเล็กน้อย (ประเภทที่ 1) จังหวัด ปัตตานี

    รหัสโครงการ 68-L7884-1-15

    ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

    ................................
    ( นางสาวฎารตา จินดารัตน์ )
    ผู้รับผิดชอบโครงการ
    ......./............/.......

    vertical_align_topไปบนสุด