แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ
“ โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล ”
ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
หัวหน้าโครงการ
นายไพบูลย์ ชาวสวนศรีเจริญ
ชื่อโครงการ โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล
ที่อยู่ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัด สตูล
รหัสโครงการ 62-L5312-2-17 เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2562 ถึง 15 พฤษภาคม 2563
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัดสตูล" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล รหัสโครงการ 62-L5312-2-17 ระยะเวลาการดำเนินงาน 3 ธันวาคม 2562 - 15 พฤษภาคม 2563 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 67,520.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
วัตถุประสงค์โครงการ
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
ผลลัพธ์ที่ได้
การประเมินผล
ปัญหาและอุปสรรค
ข้อเสนอแนะ
เอกสารประกอบอื่นๆ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
สารตะกั่วเป็นมลพิษในสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงสำหรับมนุษย์ โดยมีผลกระทบต่อทุกระบบของร่ายกาย หากได้รับปริมาณมากในวัยเด็กจะมีผลโดยตรงต่อระดับสติปัญญา สมองและระบบประสาทอย่างถาวรได้ โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยที่มีอายุน้อยกว่า 6 ขวบ ซึ่งนับเป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตที่มีการพัฒนาของสมอง(ราชวิทยาลัยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย,2553) สารตะกั่วเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีผลกระทบต่อระบบประสาททั้งประสาทส่วนกลางและรอบส่วนกลาง เกิดภาวะซีด มีผลต่อท่อไต เกิดความดันโลหิตสูง ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติในเพศชายทำให้เชื้ออสุจิลดลง หญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับตะกั่วสะสมในร่างกายสูงจะส่งตะกั่วไปยังทารกและทางน้ำนมได้ โดยทั่วไปตะกั่วสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทางหลัก คือ ทางการหายใจและทางปาก สำหรับทางผิวหนังมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในปั๊มน้ำมันหรือช่างซ่อมเครื่องยนต์ โดยทั่วไปมนุษย์สามารถรับสัมผัสสารตะกั่ว จาก 2 แหล่งใหญ่ที่สำคัญคือ จากการประกอบอาชีพ และจากสิ่งแวดล้อม(อรพันธ์ : วีระศักดิ์, 2557)เกาะบูโหลน เป็นหมู่เกาะที่อยู่ในกลางท้องทะเลอันดามันห่างจากฝั่งราว 22 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนชาวเลมากกว่าร้อยละ 90 มีครัวเรือนราว 50 หลังคาเรือน รวมประชากรประมาณ 200 คน โดยพบว่า มีประชาชนประกอบอาชีพเสี่ยงต่อการรับสัมผัสตะกั่ว คือ ชาวประมงที่เป็นช่างตอกหมันเรือ อู่ต่อเรือและอาชีพมาดอวด จากรายงานวิจัยของคณะวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(2561) พบว่า ผลการศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อมและชีวภาพในพื้นที่เกาะบูโหลน พบปัญหาการปนเปื้อนตะกั่วในสิ่งแวดล้อม ในหลายแหล่ง โดยพบปริมาณการปนเปื้อนตะกั่วในพื้นที่บริเวณโรงเรียน(24.2 mg/kg)ในพื้นที่บ้านเรือน (8.95 mg/kg)พื้นที่จอดเรือและทำอวน(7.1 mg/kg)ขณะที่ผลการตรวจวัดปริมาณตะกั่วในแหล่งน้ำอุปโภค(บ่อน้ำ) พบปริมาณ 0.016 mg/L ซึ่งสอดคล้องกันมีการตรวจพบปริมาณตะกั่วในเล็บและมือของชาวประมงที่ซ่อมเรือ(0.25µg/cm2),ชาวประมงที่คลี่อวน(38.15 µg/cm2) และชาวประมงที่ทำอวน(1.32 µg/cm2) มีความเชื่อมโยงกับการตรวจทางชีวภาพซึ่งมีการตรวจพบปริมาณตะกั่วในเลือดของเด็กอายุ 1-3 ปี(6.04µg/dL) อายุ 3-5 ปี(5.69 µg/dL) ขณะเดียวกันได้มีการศึกษาพบปัญหาเด็กปฐมวัยมีภาวะ IQ ต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งในทางวิชาการได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า การรับสัมผัสตะกั่วในวัยเด็กเล็ก มีความสัมพันธ์ต่อภาวะ IQ ต่ำ จากรายงานทางวิชาการข้อมูลที่ได้ศึกษาถึงผลกระทบของสารตะกั่วในเด็ก ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ ตะกั่วในเลือดมีความสัมพันธ์กับระดับ IQ อย่างชัดเจน มารดาที่มีระดับตะกั่วสูงสามารถส่งผ่านตะกั่วไปยังทารกในครรภ์ได้ ทำให้ทารกในครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ปัจจัยส่งเสริมให้เด็กสามารถได้รับผลกระทบจากตะกั่วได้มากเนื่องจากเด็กดูดซึมตะกั่วจากทางเดินอาหารได้ดีกว่าผู้ใหญ่ คือร้อยละ 50% ในขณะที่ผู้ใหญ่ดูดซึมได้เพียงร้อยละ 10% ของปริมาณที่รับประทาน เด็กมีระบบประสาทที่กำลังพัฒนา การสัมผัสตะกั่วนี้ทำให้การพัฒนาผิดรูปไป ช่วงเวลาที่เด็กมีความอ่อนไหวต่อสารพิษที่กระทบต่อพัฒนาการนั้นเป็นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ไปจนถึงช่วงเข้าสู่วัยรุ่น (Needleman et al., 1990; Bellinger, Stiles & Needleman, 1992;Rogan et al., 2001) ผลกระทบต่อพัฒนาการและระบบประสาทไม่สามารถแก้ไขได้ ถึงแม้ว่าจะใช้ยาขับตะกั่วให้ระดับในเลือดกลับมาเป็นปกติ การสัมผัสต่อตะกั่วตั้งแต่อายุน้อยๆ มีผลต่อการแสดงออกด้านพันธุกรรม โดยเห็นจากการที่มีการปรับเปลี่ยนของ DNA ใน cordblood ของมารดาที่มีระดับตะกั่วสูง (Basha et al., 2005; Wu et al., 2008; Pilsner et al., 2009) จากสภาพปัญหาการปนเปื้อนตะกั่วจากการประกอบอาชีพลงสู่สิ่งแวดล้อมในสถานที่ต่างๆ จนนำไปสู่การรับสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายทั้งในกลุ่มบุคคลทำงานอาชีพที่เสี่ยงและประชาชนทั่วไป ได้แก่ ชาวประมงที่ประกอบอาชีพช่างตอกหมัน อู่ต่อเรือ อาชีพทำมาดอวน จากรายงานวิจัยการปนเปื้อนฝุ่นตะกั่วในบ้าน พบว่า บ้านช่างตอกหมันเรือมีระดับตะกั่วสูงกว่าบ้านควบคุม(บ้านที่ไม่ใช่บ้านช่างตอกหมันเรือ)อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (จำนง และคณะ, 2552 : อรพันธ์ และคณะ,2554)สิ่งสำคัญคนทำงานยังมีโอกาสรับสัมผัสตะกั่วแล้วนำกลับไปปนเปื้อนแก่คนในครอบครัวได้อีก เช่น ภรรยา ลูกของผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงอีกด้วย รวมถึงเด็กเล็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่มีการปนเปื้อนของปริมาณตะกั่วสะสมจำนวนมากก็มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสัมผัสตะกั่วเข้าสู่ร่างกายได้มาก สอดคล้องกับรายงานศึกษาของ อรพันธ์ อันติมานนท์ พบว่า คนงานที่มีการทำงานเกี่ยวข้องกับตะกั่ว จะมีโอกาสที่จะนำตะกั่วกลับไปปนเปื้อนยังที่พักอาศัย โดยการปะปนไปกับเสื้อผ้าหรือผิวหนังของคนงานได้(อรพันธ์ อันติมานนท์,2552) และยังพบเด็กกลุ่มเสี่ยงเป็นลูกหลานของช่างตอกหมันและซ่อมเรือไม้มีระดับตะกั่วในเลือดสูง(สำนักโรคจากการประกอบอาชีพฯ,2556) นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยยืนยันพบว่า โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ยังเป็นแหล่งปนเปื้อนของตะกั่วจากสีทาอาคาร สีจากเครื่องเล่นเด็ก แล้วนำไปสู่การรับสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่เด็กนักเรียนได้ง่ายโดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ที่เล่นกับเครื่องเล่นเด็กหรือมักมีพฤติกรรมเล่นกับพื้นส่งผลให้รับสัมผัสตะกั่วได้ง่าย(ราชวิทยาลัยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย,2553)ซึ่งจากสภาพความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่วทั้งหมดข้างต้น ยังคงพบประสบปัญหาอยู่ในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลนโดยยังขาดมาตรการป้องกัน ควบคุม ที่รัดกุมตามที่ควรจะเป็น ทั้งที่สิ่งนี้มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาการรับสัมผัสสารตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวซึ่งเป็นความเสี่ยงและภัยคุกคามสุขภาพที่สำคัญที่จะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งจะต้องอาศัยวิธีการ กระบวนการ หรือกิจกรรมต่างๆเพื่อช่วยยับยั้งหรือลดการสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายให้ได้มากที่สุดภายใต้ข้อจำกัดของชุมชนพื้นที่เกาะที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ชายฝั่ง ดังนั้น วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดตรัง จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วในชุมชนของพื้นที่เกาะบูโหลน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างองค์ความรู้และส่งเสริมความตระหนักแก่ อสม. แกนนำชุมชน ผู้ปกครอง รวมถึงผู้ประกอบอาชีพเสี่ยง สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้อง สามารถป้องกันตนเองจากการรับสัมผัสสารตะกั่วจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมจากแหล่งต่างๆ สิ่งสำคัญจำเป็นต้องเน้นวิธีป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุโดยการกำหนดมาตรการหรือวิธีการในการลดปริมาณสารตะกั่วที่จะปนเปื้อนลงสู่สิ่งแวดล้อมด้วย
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อจัดทำสถานการณ์สภาพความเสี่ยงและพัฒนาระบบเฝ้าระวังของการรับสัมผัสตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน
- เพื่อพัฒนาศักยภาพของ อสม.และแกนนำชุมชนในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เกาะบูโหลน
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเสริมสร้างความรู้ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากพิษภัยตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงของชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลนฯ
- จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพ อสม./แกนนำชุมชน ในการคัดกรองความเสี่ยงทางสุขภาพ ประเมินความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่วในชุมชนฯ โดยประยุกต์ใช้แผนที่ระบาดวิทยาภาคประชาชน(Popular epidemiology)
- อสม./แกนนำชุมชน ร่วมกับ วิทยลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง และองค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ ดำเนินการ implement เชิงรุกในการประเมินความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อม คัดกรองความเสี่ยงทางสุขภาพจากการรับสัมผัสตะกั่วฯ
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
กลุ่มวัยทำงาน
30
กลุ่มผู้สูงอายุ
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 ประชาชนกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความตระหนักในการป้องกันตนเองของการรับสัมผัสสารตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม
2 อสม. แกนนำชุมชน มีแนวทางในการดำเนินงานเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงแบบมีส่วนร่วม
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
1
เพื่อจัดทำสถานการณ์สภาพความเสี่ยงและพัฒนาระบบเฝ้าระวังของการรับสัมผัสตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน
ตัวชี้วัด : ได้สถานการณ์สภาพความเสี่ยงและรูปแบบของการเฝ้าระวังการรับสัมผัสตะกั่วในกลุ่มคนทำงานอาชีพเสี่ยง รวมทั้งประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน
0.00
0.00
2
เพื่อพัฒนาศักยภาพของ อสม.และแกนนำชุมชนในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เกาะบูโหลน
ตัวชี้วัด : ร้อยละ 70 ของ แกนนำชุมชน อสม. ที่เข้าร่วมกิจกรรม มีความรู้ เกิดความตระหนักและสามารถร่วมมือกันในการประเมินความเสี่ยง ตรวจคัดกรองสุขภาพตามความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่ว ได้
0.00
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
30
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน
-
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน
-
กลุ่มวัยทำงาน
30
กลุ่มผู้สูงอายุ
-
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด
-
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
-
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ
-
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง
-
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)]
-
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัด สตูล
รหัสโครงการ 62-L5312-2-17
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( นายไพบูลย์ ชาวสวนศรีเจริญ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ
“ โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล ”
ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูลหัวหน้าโครงการ
นายไพบูลย์ ชาวสวนศรีเจริญ
ชื่อโครงการ โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล
ที่อยู่ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัด สตูล
รหัสโครงการ 62-L5312-2-17 เลขที่ข้อตกลง
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 3 ธันวาคม 2562 ถึง 15 พฤษภาคม 2563
กิตติกรรมประกาศ
"โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัดสตูล" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล
บทคัดย่อ
โครงการ " โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล " ดำเนินการในพื้นที่ ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล รหัสโครงการ 62-L5312-2-17 ระยะเวลาการดำเนินงาน 3 ธันวาคม 2562 - 15 พฤษภาคม 2563 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 67,520.00 บาท จาก กองทุนสุขภาพตำบล อบต.ปากน้ำ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 0 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ | |
บทคัดย่อ | |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | |
วัตถุประสงค์โครงการ | |
กิจกรรม/การดำเนินงาน | |
กลุ่มเป้าหมาย | |
ผลลัพธ์ที่ได้ | |
การประเมินผล | |
ปัญหาและอุปสรรค | |
ข้อเสนอแนะ | |
เอกสารประกอบอื่นๆ |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
สารตะกั่วเป็นมลพิษในสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรงสำหรับมนุษย์ โดยมีผลกระทบต่อทุกระบบของร่ายกาย หากได้รับปริมาณมากในวัยเด็กจะมีผลโดยตรงต่อระดับสติปัญญา สมองและระบบประสาทอย่างถาวรได้ โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยที่มีอายุน้อยกว่า 6 ขวบ ซึ่งนับเป็นช่วงสำคัญที่สุดของชีวิตที่มีการพัฒนาของสมอง(ราชวิทยาลัยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย,2553) สารตะกั่วเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะมีผลกระทบต่อระบบประสาททั้งประสาทส่วนกลางและรอบส่วนกลาง เกิดภาวะซีด มีผลต่อท่อไต เกิดความดันโลหิตสูง ระบบสืบพันธุ์ผิดปกติในเพศชายทำให้เชื้ออสุจิลดลง หญิงตั้งครรภ์ที่มีระดับตะกั่วสะสมในร่างกายสูงจะส่งตะกั่วไปยังทารกและทางน้ำนมได้ โดยทั่วไปตะกั่วสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทางหลัก คือ ทางการหายใจและทางปาก สำหรับทางผิวหนังมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในปั๊มน้ำมันหรือช่างซ่อมเครื่องยนต์ โดยทั่วไปมนุษย์สามารถรับสัมผัสสารตะกั่ว จาก 2 แหล่งใหญ่ที่สำคัญคือ จากการประกอบอาชีพ และจากสิ่งแวดล้อม(อรพันธ์ : วีระศักดิ์, 2557)เกาะบูโหลน เป็นหมู่เกาะที่อยู่ในกลางท้องทะเลอันดามันห่างจากฝั่งราว 22 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนชาวเลมากกว่าร้อยละ 90 มีครัวเรือนราว 50 หลังคาเรือน รวมประชากรประมาณ 200 คน โดยพบว่า มีประชาชนประกอบอาชีพเสี่ยงต่อการรับสัมผัสตะกั่ว คือ ชาวประมงที่เป็นช่างตอกหมันเรือ อู่ต่อเรือและอาชีพมาดอวด จากรายงานวิจัยของคณะวิจัยจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(2561) พบว่า ผลการศึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อมและชีวภาพในพื้นที่เกาะบูโหลน พบปัญหาการปนเปื้อนตะกั่วในสิ่งแวดล้อม ในหลายแหล่ง โดยพบปริมาณการปนเปื้อนตะกั่วในพื้นที่บริเวณโรงเรียน(24.2 mg/kg)ในพื้นที่บ้านเรือน (8.95 mg/kg)พื้นที่จอดเรือและทำอวน(7.1 mg/kg)ขณะที่ผลการตรวจวัดปริมาณตะกั่วในแหล่งน้ำอุปโภค(บ่อน้ำ) พบปริมาณ 0.016 mg/L ซึ่งสอดคล้องกันมีการตรวจพบปริมาณตะกั่วในเล็บและมือของชาวประมงที่ซ่อมเรือ(0.25µg/cm2),ชาวประมงที่คลี่อวน(38.15 µg/cm2) และชาวประมงที่ทำอวน(1.32 µg/cm2) มีความเชื่อมโยงกับการตรวจทางชีวภาพซึ่งมีการตรวจพบปริมาณตะกั่วในเลือดของเด็กอายุ 1-3 ปี(6.04µg/dL) อายุ 3-5 ปี(5.69 µg/dL) ขณะเดียวกันได้มีการศึกษาพบปัญหาเด็กปฐมวัยมีภาวะ IQ ต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งในทางวิชาการได้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า การรับสัมผัสตะกั่วในวัยเด็กเล็ก มีความสัมพันธ์ต่อภาวะ IQ ต่ำ จากรายงานทางวิชาการข้อมูลที่ได้ศึกษาถึงผลกระทบของสารตะกั่วในเด็ก ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ ตะกั่วในเลือดมีความสัมพันธ์กับระดับ IQ อย่างชัดเจน มารดาที่มีระดับตะกั่วสูงสามารถส่งผ่านตะกั่วไปยังทารกในครรภ์ได้ ทำให้ทารกในครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงในระดับพันธุกรรม ปัจจัยส่งเสริมให้เด็กสามารถได้รับผลกระทบจากตะกั่วได้มากเนื่องจากเด็กดูดซึมตะกั่วจากทางเดินอาหารได้ดีกว่าผู้ใหญ่ คือร้อยละ 50% ในขณะที่ผู้ใหญ่ดูดซึมได้เพียงร้อยละ 10% ของปริมาณที่รับประทาน เด็กมีระบบประสาทที่กำลังพัฒนา การสัมผัสตะกั่วนี้ทำให้การพัฒนาผิดรูปไป ช่วงเวลาที่เด็กมีความอ่อนไหวต่อสารพิษที่กระทบต่อพัฒนาการนั้นเป็นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ไปจนถึงช่วงเข้าสู่วัยรุ่น (Needleman et al., 1990; Bellinger, Stiles & Needleman, 1992;Rogan et al., 2001) ผลกระทบต่อพัฒนาการและระบบประสาทไม่สามารถแก้ไขได้ ถึงแม้ว่าจะใช้ยาขับตะกั่วให้ระดับในเลือดกลับมาเป็นปกติ การสัมผัสต่อตะกั่วตั้งแต่อายุน้อยๆ มีผลต่อการแสดงออกด้านพันธุกรรม โดยเห็นจากการที่มีการปรับเปลี่ยนของ DNA ใน cordblood ของมารดาที่มีระดับตะกั่วสูง (Basha et al., 2005; Wu et al., 2008; Pilsner et al., 2009) จากสภาพปัญหาการปนเปื้อนตะกั่วจากการประกอบอาชีพลงสู่สิ่งแวดล้อมในสถานที่ต่างๆ จนนำไปสู่การรับสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายทั้งในกลุ่มบุคคลทำงานอาชีพที่เสี่ยงและประชาชนทั่วไป ได้แก่ ชาวประมงที่ประกอบอาชีพช่างตอกหมัน อู่ต่อเรือ อาชีพทำมาดอวน จากรายงานวิจัยการปนเปื้อนฝุ่นตะกั่วในบ้าน พบว่า บ้านช่างตอกหมันเรือมีระดับตะกั่วสูงกว่าบ้านควบคุม(บ้านที่ไม่ใช่บ้านช่างตอกหมันเรือ)อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (จำนง และคณะ, 2552 : อรพันธ์ และคณะ,2554)สิ่งสำคัญคนทำงานยังมีโอกาสรับสัมผัสตะกั่วแล้วนำกลับไปปนเปื้อนแก่คนในครอบครัวได้อีก เช่น ภรรยา ลูกของผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงอีกด้วย รวมถึงเด็กเล็กที่อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงกับบริเวณที่มีการปนเปื้อนของปริมาณตะกั่วสะสมจำนวนมากก็มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับสัมผัสตะกั่วเข้าสู่ร่างกายได้มาก สอดคล้องกับรายงานศึกษาของ อรพันธ์ อันติมานนท์ พบว่า คนงานที่มีการทำงานเกี่ยวข้องกับตะกั่ว จะมีโอกาสที่จะนำตะกั่วกลับไปปนเปื้อนยังที่พักอาศัย โดยการปะปนไปกับเสื้อผ้าหรือผิวหนังของคนงานได้(อรพันธ์ อันติมานนท์,2552) และยังพบเด็กกลุ่มเสี่ยงเป็นลูกหลานของช่างตอกหมันและซ่อมเรือไม้มีระดับตะกั่วในเลือดสูง(สำนักโรคจากการประกอบอาชีพฯ,2556) นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยยืนยันพบว่า โรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก ยังเป็นแหล่งปนเปื้อนของตะกั่วจากสีทาอาคาร สีจากเครื่องเล่นเด็ก แล้วนำไปสู่การรับสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่เด็กนักเรียนได้ง่ายโดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ที่เล่นกับเครื่องเล่นเด็กหรือมักมีพฤติกรรมเล่นกับพื้นส่งผลให้รับสัมผัสตะกั่วได้ง่าย(ราชวิทยาลัยและสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย,2553)ซึ่งจากสภาพความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่วทั้งหมดข้างต้น ยังคงพบประสบปัญหาอยู่ในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลนโดยยังขาดมาตรการป้องกัน ควบคุม ที่รัดกุมตามที่ควรจะเป็น ทั้งที่สิ่งนี้มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขปัญหาการรับสัมผัสสารตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวซึ่งเป็นความเสี่ยงและภัยคุกคามสุขภาพที่สำคัญที่จะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งจะต้องอาศัยวิธีการ กระบวนการ หรือกิจกรรมต่างๆเพื่อช่วยยับยั้งหรือลดการสัมผัสสารตะกั่วเข้าสู่ร่างกายให้ได้มากที่สุดภายใต้ข้อจำกัดของชุมชนพื้นที่เกาะที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ชายฝั่ง ดังนั้น วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดตรัง จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วในชุมชนของพื้นที่เกาะบูโหลน ซึ่งจะเอื้อประโยชน์ต่อการสร้างองค์ความรู้และส่งเสริมความตระหนักแก่ อสม. แกนนำชุมชน ผู้ปกครอง รวมถึงผู้ประกอบอาชีพเสี่ยง สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอย่างถูกต้อง สามารถป้องกันตนเองจากการรับสัมผัสสารตะกั่วจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมจากแหล่งต่างๆ สิ่งสำคัญจำเป็นต้องเน้นวิธีป้องกันปัญหาที่ต้นเหตุโดยการกำหนดมาตรการหรือวิธีการในการลดปริมาณสารตะกั่วที่จะปนเปื้อนลงสู่สิ่งแวดล้อมด้วย
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อจัดทำสถานการณ์สภาพความเสี่ยงและพัฒนาระบบเฝ้าระวังของการรับสัมผัสตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน
- เพื่อพัฒนาศักยภาพของ อสม.และแกนนำชุมชนในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เกาะบูโหลน
กิจกรรม/การดำเนินงาน
- จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาเสริมสร้างความรู้ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากพิษภัยตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงของชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลนฯ
- จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพ อสม./แกนนำชุมชน ในการคัดกรองความเสี่ยงทางสุขภาพ ประเมินความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่วในชุมชนฯ โดยประยุกต์ใช้แผนที่ระบาดวิทยาภาคประชาชน(Popular epidemiology)
- อสม./แกนนำชุมชน ร่วมกับ วิทยลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดตรัง และองค์การบริหารส่วนตำบลปากน้ำ ดำเนินการ implement เชิงรุกในการประเมินความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อม คัดกรองความเสี่ยงทางสุขภาพจากการรับสัมผัสตะกั่วฯ
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 30 | |
กลุ่มผู้สูงอายุ | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | ||
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] |
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1 ประชาชนกลุ่มเสี่ยง มีความรู้ความเข้าใจ เกิดความตระหนักในการป้องกันตนเองของการรับสัมผัสสารตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อม 2 อสม. แกนนำชุมชน มีแนวทางในการดำเนินงานเพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วในประชาชนกลุ่มเสี่ยงแบบมีส่วนร่วม
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
---|---|---|---|---|---|
1 | เพื่อจัดทำสถานการณ์สภาพความเสี่ยงและพัฒนาระบบเฝ้าระวังของการรับสัมผัสตะกั่วจากสถานที่ทำงานและสิ่งแวดล้อมในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน ตัวชี้วัด : ได้สถานการณ์สภาพความเสี่ยงและรูปแบบของการเฝ้าระวังการรับสัมผัสตะกั่วในกลุ่มคนทำงานอาชีพเสี่ยง รวมทั้งประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่เกาะบูโหลน |
0.00 | 0.00 | ||
2 | เพื่อพัฒนาศักยภาพของ อสม.และแกนนำชุมชนในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันการรับสัมผัสตะกั่วไปยังประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่เกาะบูโหลน ตัวชี้วัด : ร้อยละ 70 ของ แกนนำชุมชน อสม. ที่เข้าร่วมกิจกรรม มีความรู้ เกิดความตระหนักและสามารถร่วมมือกันในการประเมินความเสี่ยง ตรวจคัดกรองสุขภาพตามความเสี่ยงของการรับสัมผัสตะกั่ว ได้ |
0.00 |
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
---|---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | 30 | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) | |
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | |||
กลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน | - | ||
กลุ่มเด็กวัยเรียนและเยาวชน | - | ||
กลุ่มวัยทำงาน | 30 | ||
กลุ่มผู้สูงอายุ | - | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | |||
กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหญิงหลังคลอด | - | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | - | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | - | ||
กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง | - | ||
สำหรับการบริหารหรือพัฒนากองทุนฯ [ข้อ 10(4)] | - |
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
---|---|---|
โครงการพัฒนาส่งเสริมการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมการรับสัมผัสสารตะกั่วของประชาชนกลุ่มเสี่ยงในชุมชนพื้นที่ หมู่ที่3 บ้านเกาะบูโหลน ตำบลปากนํ้า อำเภอละงู จังหวัดสตูล จังหวัด สตูล
รหัสโครงการ 62-L5312-2-17
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( นายไพบูลย์ ชาวสวนศรีเจริญ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......