โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยDM,HT
ชื่อโครงการ | โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยDM,HT |
รหัสโครงการ | 2563-L3310-1-07 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | รพ.สต.บ้านโคกยา |
วันที่อนุมัติ | 8 มกราคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 14 มกราคม 2563 - 30 กันยายน 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 30 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 12,000.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นางจีรยา ชำนาญกิจ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 64 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
หลักการและเหตุผล (ระบุที่มาของการทำโครงการ)
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรัง และเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลก ถึงแม้ว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน แต่ความชุกและอุบัติการณ์ กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในชุมชนเมืองและในชนบทอีกทั้งผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้น ถ้ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จะเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งทางตา ไต เท้า สมอง หัวใจหรืออาจหมดสติจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หมดสติจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ติดเชื้อง่าย หลอดเลือดตีบหรือแตกในสมอง ทำให้เป็นอัมพาตได้ผลกระทบของผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน มีทั้งกระทบโดยตรงต่อผู้ป่วยและครอบครัว คือ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆการรักษาพยาบาล รวมทั้งสูญเสียอวัยวะ และความพิการซึ่งเกิดขึ้นได้มาก กว่าคนปกติ รวมทั้งมีผลกระทบถึงสภาพจิตใจด้วย นอกจากนี้ผลเสียทางอ้อมอันเกิดจากภาวะแทรกซ้อนและการมีพยาธิสภาพ ซึ่งทำให้เกิดความพิการหรือไร้สมรรถภาพ เช่น ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ขาดรายได้จากการทำงาน สมรรถภาพในการทำงานลดลง การสูญเสียทรัพยากรบุคคลและอาจมีอายุสั้นกว่าปกติ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ดีพอ อีกทั้งรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการนำเข้าเวชภัณฑ์จากต่างประเทศ และค่าใช้จ่ายในด้านอุปกรณ์การตรวจโรคและโรคแทรกซ้อนด้วยเหตุที่โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคเรื้อรัง การรักษาเพื่อควบคุมโรคนั้นประกอบไปด้วยการควบคุมอาหาร การใช้ยา การออกกำลังกาย และการปฏิบัติตามหลัก 3 อ.2ส. การดูแลสุขภาพทั่วไป ซึ่งถ้าผู้ป่วยรู้จักปฎิบัติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและระดับความดันโลหิตใกล้เคียงกับคนปกติและสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ยืนยาวและมีความสุข
จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานทั้งหมดแยกเป็นรายหมู่ หมู่ที่ 1 จำนวน 42 คน หมู่ที่ 9 จำนวน 40 คน หมู่ที่ 14 จำนวน 25 คน รวมทั้งหมด107 คน ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนจำนวน 64 คนพบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่จำนวน 1 ราย จำนวนผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทั้งหมด แยกเป็นรายหมู่ หมู่ที่ 1 จำนวน 72 คน หมู่ที่ 9 จำนวน 102 คน หมู่ที่ 14 จำนวน 52 คน รวมทั้งสิ้น 226 คน มีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 2 ราย มีภาวะแทรกซ้อน จำนวน 37คน
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกยาได้ตระหนักถึงความสำคัญ และเป็นบทบาทหน้าที่ในการป้องกันควบคุมโรค และป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยที่รับยาในคลินิกประจำเดือนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโคกยา จึงได้จัดทำโครงการเพื่อพัฒนางานขึ้นเสริมจากงานปกติ (งานเชิงรุก)โดยมีกลยุทธ์ กลวิธีที่มีลักษณะเฉพาะที่เน้นการให้ความรู้และส่งเสริมให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เห็นในเชิงประจักษ์ เพื่อสร้างทักษะความรอบรู้ในการดูแลสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน กลุ่มป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ลดงบประมาณรายจ่ายของประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมดีขึ้นในอนาคต
วิธีดำเนินการ (ออกแบบให้ละเอียด)
-ให้ความรู้ในกลุ่มป่วยและกลุ่มเสี่ยงให้ตระหนักถึงอันตรายและความรุนแรงของโรคโดยใช้บัตรคิวรักษ์สุขภาพสำหรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
-ประเมินผลความรู้ที่อ่านได้จากบัตรคิวโดยเจ้าหน้าที่
-ฝึกออกกำลังกายโดยท่ามณีเวช 5 ท่าและผู้ป่วยสามารถนำไปใช้ออกกำลังกายที่บ้านได้
-ส่งเสริมการใช้สมาธิบำบัดและการกำหนดลมหายใจแบบ SKT
-ฝึกประเมินทักษะการกำหนดแคลอรี่ในอาหารแต่ละมื้อ อย่างง่าย
ผลที่คาดว่าจะได้รับ -ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงที่มารับยาในคลินิกโรคเรื้อรัง รพ.สต.บ้านโคกยาได้รับความรู้ 100% -ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยให้สามารถมีความรู้ในการดูแลตนเองไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ -สร้างความต่อเนื่องและยั่งยืนในการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลสะสมไม่เกินร้อยละ 7 ได้ ร้อยละ 50 ระดับน้ำตาลสะสมไม่เกินร้อยละ 7 ในผู้ป่วยเบาหวาน |
0.00 | |
2 | ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต อยู่ในระดับ 130/80 mmHg ร้อยละ 90 ระดับน้ำตาลสะสมไม่เกินร้อยละ 7 ในผู้ป่วยเบาหวาน |
0.00 | |
3 | ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิต อยู่ในระดับ 130/80 mmHg ร้อยละ 90 ระดับความดันโลหิต อยู่ในระดับ 130/80 mmHg ในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง |
0.00 | |
4 | เพื่อลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มป่วย 90%ของกลุ่มป่วยด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ตา เท้า ไต สมอง หัวใจ |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 12,000.00 | 0 | 0.00 | |
??/??/???? | 1โปรแกรมให้สุขศึกษารายบุคคล ด้วย “บัตรคิวรักษ์สุขภาพผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” 2.กิจกรรมฝึกออกกำลังกายด้วยท่ามณีเวชพื้นฐาน 5 ท่า และสามารถนำไปปฏิบัติต่อที่บ้านได้ทุกคน ทุกวัย 3.การฝึกสมาธิบำบัดโดยใช้หลัก การฝึกกำหนดลมหายใจ แบบ SKT เพื่อช่วยลดความเครียดแ | 0 | 12,000.00 | - |
1โปรแกรมให้สุขศึกษารายบุคคล ด้วย “บัตรคิวรักษ์สุขภาพผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” 2.กิจกรรมฝึกออกกำลังกายด้วยท่ามณีเวชพื้นฐาน 5 ท่า และสามารถนำไปปฏิบัติต่อที่บ้านได้ทุกคน ทุกวัย 3.การฝึกสมาธิบำบัดโดยใช้หลัก การฝึกกำหนดลมหายใจ แบบ SKT เพื่อช่วยลดความเครียดและผ่อนคลายอารมณ์
-ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงที่มารับยาในคลินิกโรคเรื้อรัง รพ.สต.บ้านโคกยาได้รับความรู้ 100% -ลดภาวะแทรกซ้อนในกลุ่มผู้ป่วยให้สามารถมีความรู้ในการดูแลตนเองไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ กลุ่มผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ -สร้างความต่อเนื่องและยั่งยืนในการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2563 11:25 น.