โครงการพัฒนาพฤติกรรมโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง
ชื่อโครงการ | โครงการพัฒนาพฤติกรรมโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง |
รหัสโครงการ | 63-L3332-1-7 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนาปะขอ |
วันที่อนุมัติ | 22 กรกฎาคม 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 27 สิงหาคม 2563 - 28 สิงหาคม 2563 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 28 กันยายน 2563 |
งบประมาณ | 22,600.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | ผอ.รพ.สต.บ้านนาปะขอ |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลนาปะขอ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง | 70 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด |
---|
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
ปัจจุบันเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนประชาชนมีการแข่งขันสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัวนิยมวัฒนธรรมตะวันตกมากขึ้น จึงทำให้วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงเช่นการเร่งรีบกับการทำงานบริโภคอาหารโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการมีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลงขาดการออกกำลังกายเครียดทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงซึ่งเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสาธารณสุข เป็นกลุ่มโรคที่มีปัจจัยสาเหตุการนำสู่โรคจากปัจจัยเสี่ยงร่วม และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรซึ่งโรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการและมีกิจกรรมทางกายที่เหมาะสม
จากข้อมูลสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2551 พบว่า อัตราตายต่อแสนประชากร จากโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานเท่ากับ 3.9, 21.2, 20.8 และ 12.2เรียงตามลำดับส่วนอัตราป่วยในต่อแสนประชากรด้วยโรคความดันโลหิตสูง โรค หัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองและโรคเบาหวาน เท่ากับ 860.53, 185.72, 216.58 และ 675.7 ตามลำดับ
จากข้อมูลโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาปะขออัตราการป่วยและอัตราการตายของประชากรในเขตรับผิดชอบ ปี ๒๕๖1 พบอัตราป่วยโรคเบาหวาน ๒,๗๐๓.๗๐ ต่อแสนประชากร โรคความดันโลหิตสูง อัตราป่วย ๙,๐๗๔.๐๗และอัตราตายโรคหัวใจและหลอดเลือด๑๓๔.๙๕ ต่อแสนประชากรโรคมะเร็ง อัตราตาย ๓๓.๗๔ ต่อแสนประชากรและในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 274 คน สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ จำนวน 116 คน คิดเป็นร้อยละ 33.24และจากการคัดกรองสุขภาพ ปีงบประมาณ ๒๕๖3 ( ตุลาคม ๒๕๖2 - ธันวาคม ๒๕๖2)พบกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานร้อยละ ๒๓.๘๘ และกลุ่มเสี่ยงความดันโลหิตสูงร้อยละ ๔๖.๘๖ และพบว่าในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานจำนวน 117 คน สามารถควบคุมน้ำตาลได้จำนวน 40 คน คิดเป็นร้อยละ 34.19 และในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 361 คน สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ จำนวน 171 คน คิดเป็นร้อยละ 47.37
ในการนี้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนาปะขอ จึงได้จัดทำโครงการ “โครงการพัฒนาพฤติกรรม โรคเบาหวาน - ความดันโลหิตสูงง” ขึ้นเพื่อส่งเสริม /สนับสนุนให้ประชาชนในชุมชนให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายมีความแข็งแรงทั้งกาย ใจ สังคมจิตวิญญาณ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับชุมชนในการ
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูงมีความรู้ในเรื่องโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การดูแลสุขภาพ การรับประทานอาหารและยา การออกกำลังกาย การตรวจสุขภาพตา ไต เท้า ทั้งสามารถดูแลตนเองได้อย่างถูกต้อง กลุ่มเป้าหมายมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (อัตราควบคุมโรคได้เพิ่มขึ้น) |
0.00 | |
2 | เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนำความรู้ที่ได้รับ มาปรับพฤติกรรมในเรื่องการดูแลสุขภาพตนเอง ใช้ยาได้อย่างปลอดภัย ถูกวิธี และลดการพึ่งพาการใช้ยาที่เกินความจำเป็น ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถนำความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรค การตรวจสุขภาพด้วยตนเอง การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้า มาใช้ดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ถูกต้องเหมาะสม |
0.00 | |
3 | ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระดับน้ำตาลได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระกับน้ำตาลได้มากกว่าร้อยละ 40 |
0.00 | |
4 | ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้ดี ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้มากกว่าร้อยละ 50 |
0.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 22,600.00 | 0 | 0.00 | |
27 - 28 ส.ค. 63 | อบรมให้ความรู้ | 0 | 22,600.00 | - |
- ขั้นเตรียมการ
- การวางแผนกำหนดโครงการ
- ประชุมแต่งตั้งคณะกรรมการ 3. เขียนโครงการเสนอตามลำดับ 4. ประชุมติดตามงานแต่ละฝ่ายหาข้อบกพร่องเพื่อแก้ไข
- ขั้นดำเนินการ
- ประชุมกลุ่มเตรียมจัดทำโครงการสัมมนาในหัวข้อเรื่องโครงการพัฒนาพฤติกรรมโรคเบาหวาน – ความดันโลหิตสูง
- จัดทำโครงการสัมมนาในหัวข้อเรื่อง “เบาหวานป้องกันโรคแทรกซ้อนได้ เพียงรู้และเข้าใจ 3. ติดต่อท่านวิทยากร 4. จัดเตรียมสถานที่จัดอบรมโครงการ 5. จัดอบรมโครงการ
- สรุปผลการดำเนินงาน จัดทำเอกสารหลักฐานส่ง
- ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูงมีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรคการตรวจสุขภาพด้วยตนเองการรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้าได้ถูกต้องปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น
2.ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเบาหวาน ความดันโลหิตสูง สามารถนำความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเอง ทั้งความรู้เรื่องโรคการตรวจสุขภาพด้วยตนเอง การรับประทานอาหาร การรับประทานยา การออกกำลังกาย การตรวจเท้าและการดูแลเท้า มาใช้ดูแลสุขภาพด้วยตนเองได้ถูกต้องเหมาะสม
3.ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถคุมระกับน้ำตาลได้มากกว่าร้อยละ 40 4.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงสามารถคุมระดับความดันโลหิตได้มากกว่าร้อยละ 50
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2563 16:32 น.