โครงการคนพิการปลอดภัยได้รับการใส่ใจดูแล
ชื่อโครงการ | โครงการคนพิการปลอดภัยได้รับการใส่ใจดูแล |
รหัสโครงการ | 2564-L3351-01-09 |
ประเภทการสนับสนุน | ประเภท 1 สนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของ หน่วยบริการ/สถานบริการ/หน่วยงานสาธารณสุข |
หน่วยงาน/องค์กร/กลุ่มคน ที่รับผิดชอบโครงการ | หน่วยบริการหรือสถานบริการสาธารณสุข เช่น รพ.สต. |
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งยาว |
วันที่อนุมัติ | 21 กันยายน 2563 |
ระยะเวลาดำเนินโครงการ | 17 กุมภาพันธ์ 2564 - 31 กรกฎาคม 2564 |
กำหนดวันส่งรายงาน | 31 กรกฎาคม 2564 |
งบประมาณ | 19,520.00 บาท |
ผู้รับผิดชอบโครงการ | นายเอนก กลิ่นรส |
พี่เลี้ยงโครงการ | |
พื้นที่ดำเนินการ | ตำบลโคกชะงาย อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง |
ละติจูด-ลองจิจูด | place |
(ตามแนบท้ายประกาศคณะอนุกรรมการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคฯ พ.ศ. 2557)
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวน(คน) | |
---|---|---|
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย | ||
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ | ||
กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ | 112 | keyboard_arrow_down |
กิจกรรมหลักตามกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มคนพิการและทุพพลภาพ : |
สถานการณ์ปัญหา | ขนาด | |||
---|---|---|---|---|
1 | จำนวนศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการหรือศูนย์ชื่ออื่นจัดตั้งขึ้นในชุมชน | 1.00 | ||
2 | จำนวนคนพิการ | 112.00 |
ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล
“คนพิการ”เป็นบุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งในสังคมไทยที่กำลังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากรายงานการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าในปี 2517 มีคนพิการประมาณร้อยละ 0.5 ของประชากรทั้งหมด เพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 1.7 ในปี 2545 และเกือบร้อยละ 3 ในปี 2550 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละกว่า 1 แสนคน (สำนักงานสถิติแห่งชาติ 2551) สาเหตุของความพิการมีหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมสุขภาพของประชาชนที่ไม่เหมาะสม ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย จนเป็นบ่อเกิดของความอ้วนและโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ที่ส่งผลให้เกิดความพิการตามมา สาเหตุอีกประการหนึ่งคืออุบัติเหตุ จนที่ส่งผลให้เกิดความพิการตามมา และในปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ เนื่องจากผู้สูงอายุในประเทศไทยได้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มจาก 1.5 ล้านคน เมื่อปี พ.ศ.2503 เป็นประมาณ 7.4 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2551 และคาดว่าในปี พ.ศ. 2573 จะเพิ่มถึง 17.7 ล้านคน (สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ 2551) ซึ่งวัยสูงอายุเป็นวัยที่อวัยวะต่างๆ มีความเสื่อมทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและความพิการตามมาได้ง่าย ปัญหาเหล่านี้ทำให้เกิดความพิการกับกลุ่มประชาชนทุกกลุ่มวัยได้ และทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อตัวคนพิการเอง ครอบครัว และสังคมในอนาคต ปัจจุบันรัฐมีโยบายให้คนพิการได้รับการดูแลที่บ้าน โดยใช้ครอบครัวและชุมชนเป็นฐาน ทั้งนี้เพื่อให้คนพิการได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว และสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยในชุมชน ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลและเพิ่มอัตราการหมุนเวียนเตียงเพื่อรับผู้ป่วยอื่นในโรงพยาบาล เป้าหมายสำคัญของการดูแลสุขภาพคนพิการที่บ้านคือ ให้คนพิการได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมภายในครอบครัวที่อบอุ่นและมีศักยภาพในการดูแลอย่างเพียงพอ และชุมชนมีส่วนร่วมภายใต้สภาพแวดล้อมในบริบทของท้องถิ่น เพื่อให้คนพิการสามารถพึ่งตนเองได้มากที่สุด มีคุณภาพชีวิตที่ดีเต็มตามศักยภาพและมีความสุขตามอัตภาพ (คณะกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 2550) จากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า การดูแลคนพิการเป็นภารกิจยาวนานที่ผู้ดูแลและครอบครัวต้องรับผิดชอบ บางครั้งอาจเป็นงานที่หนักแลซับซ้อน ต้องอาศัยความรู้ ทักษะ ความพยายามอย่างต่อเนื่อง และปรับตัวต่อบทบาทหน้าที่ตนเอง หากไม่สามารถปรับบทบาทหรือเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลได้ จะทำให้เกิดผลกระทบต่อคนพิการ กล่าวคือ คนพิการต้องเข้ารักษาโรงพยาบาลซ้ำ เกิดความพิการซ้ำซ้อนหรือเสียชีวิตก่อนเวลาอันสมควร จากการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า ผู้ดูแล ครอบครัวและชุมชน มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ เนื่องจากการดูแล/ช่วยเหลือ/ส่งเสริมและสนับสนุนจากครอบครัวและชุมชนจะทำให้สุขภาพทางกาย ทางใจ ทางจิตวิญาณและทางสังคมดีขึ้น (วรรณรัตน์ ลาวัง 2549) หากไม่ได้รับการดูแลดังกล่าว จะทำให้คนพิการมีคุณภาพชีวิตไม่ดีตามมา อีกทั้งทำให้ผู้ดูแลและครอบครัวเกิดความเครียด มีปัญหาสุขภาพทั้งองค์รวม ซึ่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตของสมาชิกครอบครัวตามมา (นันทวรรณ พุทธาวรรณ 2550) การสร้างกลุ่มภาคีเครือข่ายในชุมชนเพื่อการดูแลคนพิการ เป็นกลวิธีหนึ่งที่สำคัญในการสนับสนุนให้คนพิการและครอบครัว ที่เน้นบุคลากรด้านสุขภาพแสดงบทบาทเชิงรุกที่ชัดเจน โดยการสร้างและพัฒนาศักยภาพของภาคีเครือข่ายช่วยเหลือกันในชุมชน (สำนักนโยบายและยุทศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 2555) ดังนั้น รูปแบบการดูแลสุขภาพคนพิการในชุมชน โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในลักษณะภาคีเครือข่ายการดูแลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งสอดคล้องกับสิทธิ กฎหมาย และกรอบการพัฒนาที่สำคัญคือ มีลักษณะเป็นองค์รวมผสมผสานครอบคลุมทุกมิติการดูแล และต่อเนื่องเชื่อมโยง
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จ | ขนาดปัญหา | เป้าหมาย 1 ปี | |
---|---|---|---|
1 | เพื่อให้ผู้พิการได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยญาติหรือผู้ดูแล ผู้พิการได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยญาติหรือผู้ดูแลทุกคน |
80.00 | 112.00 |
2 | เพื่อให้ญาติหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความรู้ในการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ ญาติหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุมีความรู้ในการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการทุกคน |
80.00 | 112.00 |
3 | เพื่อให้ผู้พิการมีความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้น ทุกคน ผู้พิการมีความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้น ทุกคน |
100.00 | 112.00 |
hourglass_emptyไม่มีกลุ่มกิจกรรม | กลุ่มเป้าหมาย (คน) |
งบกิจกรรม (บาท) |
ทำแล้ว |
ใช้จ่ายแล้ว (บาท) |
||
วันที่ | กิจกรรม | 0 | 19,520.00 | 3 | 0.00 | |
17 - 18 มี.ค. 64 | อบรมหรือผู้ดูแลผู้พิการเพ่ื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ (อบรม 2 รุ่นๆละ 56 คน) | 0 | 19,520.00 | ✔ | 0.00 | |
30 มิ.ย. 64 - 9 ก.ค. 64 | ติดตามและประเมินผลการเพิ่มขึ้นของ ADL คนพิการ | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 | |
14 ก.ค. 64 | เรียนรู้ร่วมกัน | 0 | 0.00 | ✔ | 0.00 |
- ร้อยละ 80 ของญาติหรือผู้ดูแลคนพิการ มีทักษะการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เหมาะสม
- คนพิการมีความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10
โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2563 00:00 น.