แบบฟอร์มพัฒนาโครงการ กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองคอหงส์
1. ชื่อโครงการ/กิจกรรม
ชื่อโครงการควรสั้น กระชับ เข้าใจง่าย และสื่อสาระของสิ่งที่จะทำอย่างชัดเจน ควรจะระบุชื่อชุมชนในชื่อโครงการเพื่อความสะดวกในการค้นหา
กองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองคอหงส์
โรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์
พ.ต.หญิง น้ำทิพย์ คงทอง ตำแหน่ง พยาบาลหัวหน้าฝ่ายส่งเสริมสุขภาพ
ค่ายเสนาณรงค์ ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ๋ จังหวัดสงขลา
2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
การพัฒนาสุขภาพและอนามัยของบุคคลเป็นองค์ประกอบและเป็นพื้นฐานของการพัฒนาศักยภาพของคนทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา การพัฒนาทางด้านสาธารณสุขจึงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี การดูแลสุขภาพบุคคลแบบองค์รวมเป็นสิ่งสำคัญ องค์การอนามัยโลกรายงานว่ากลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลกและเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย ทั้งในมิติของจำนวนการเสียชีวิตและภาระโรคโดยรวม ประชากรที่เป็นกลุ่มเสี่ยงและป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรคหลอดเลือดสมองมีอัตราการตายเพิ่มมากที่สุดจาก 33.4 เพิ่มเป็น 40.9 ต่อแสนประชากร รองลงมาคือ โรคหัวใจขาดเลือด จาก 22.4 เป็น 27.8 ต่อแสนประชากร ข้อมูลจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายงานว่าประเทศไทยมีจำนวนคนพิการทั้งสิ้น 2.1 ล้านคน ผู้ป่วยที่มีความพิการแต่ละประเภทมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีผู้ป่วยบางรายเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จนนำไปสู่ความพิการได้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรในกลุ่มแม่และเด็ก ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งที่มีความสำคัญของการพัฒนาด้านสาธารณสุข งานอนามัยแม่และเด็กเป็นบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานที่สำคัญของการพัฒนาคุณภาพประชากรที่ควรได้รับการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
ในเขตพื้นที่ค่ายเสนาณรงค์ จากผลการตรวจร่างกายประจำปีกำลังพลและประวัติการรับบริการในโรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์ในกลุ่มครอบครัว พบว่าอัตราการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในทุกปี เกิดการเสียชีวิตของกำลังพลที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือพิการทางการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังมีผู้ป่วยสภาพทางจิตใจ อยู่ในภาวะเครียดสูงทั้งตัวบุคคล หรือผู้ดูแล(care giver) และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์เด็กอายุ 0 – 3 ปีรวมไปถึงบุตรที่ต้องการพิเศษควรได้รับการดูแลอย่างเนื่อง เสริมสร้างทักษะและพัฒนาการให้เหมาะสมแก่กลุ่มเด็กเหล่านี้ให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ควรตระหนักและส่งเสริมความสำคัญ ของประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การเสริมพลังครอบครัว ชุมชน สังคมให้ร่วมมือกันเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ
จากการสำรวจผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง, ผู้ป่วยทุพพลภาพ,กลุ่มภาวะเครียด, หญิงตั้งครรภ์, เด็กอายุ 0–3 ปี และบุตรที่มีความต้องการพิเศษ กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดควรได้รับการแก้ไขปัญหาสุขภาพ และจำเป็นต้องได้รับการดูแล การให้คำแนะนำ และการติดตามการเยี่ยมบ้านอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น การเยี่ยมบ้านถือว่าเป็นการประเมินสุขภาพของประชาชนและการป้องกันโรคแทรกซ้อน เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการให้บริการสาธารณสุข กิจกรรมหลักคือ การสร้างเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพ
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 01/04/2024
กำหนดเสร็จ 15/09/2024
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
ทุกรายการสามารถถัวเฉลี่ยได้
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยทุพพลภาพ หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุ 0 – 3 ปี และบุตรที่มีความต้องการพิเศษ ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องแบบองค์รวม ทั้งทางด้านร่างกายจิตใจ อารมณ์ และสังคม ให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดีขึ้น
2. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังสามารถควบคุมอาการของโรคได้ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และไม่เกิดอาการกำเริบเฉียบพลันขณะอยู่บ้าน
3. เด็กอายุ 0 – 3 ปี มีพัฒนาการที่ถูกต้องสมวัย ร่างกายแข็งแรง
4. บุตรที่มีความต้องการพิเศษสามารถเข้าถึงแหล่งสิทธิประโยชน์ และช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันเบื้องต้นได้
5. ญาติหรือผู้ดูแลมีส่วนร่วม และไม่เกิดความเครียดในการดูแลผู้ป่วย
6. ประชาชนได้รับบริการด้านสาธารณสุขอย่างทั่วถึง และเข้าถึงได้ง่าย