2. ความสอดคล้องกับแผนงาน
3. สถานการณ์
ผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายวิภาค และสรีรวิทยาไปในทางที่เสื่อมถอย อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จึงเกิดได้ง่าย และรุนแรงกว่าช่วงวัยหนุ่มสาว ๆ เช่นเดียวกับอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (Muscle Pain) ซึ่งเกิดขึ้นได้มากกว่าวัยหนุ่มสาว โดยพบว่า ผู้สูงอายุร้อยละ 50 มีปัญหาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเรื้อรัง ส่วนใหญ่เริ่มจากมีอาการปวดบริเวณคอ บ่าไหล่ หลัง และเข่า อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อส่วนบนมีปัจจัยและสาเหตุที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่มีการเสื่อมลง ซึ่งเป็นผลมาจากร่างกายลดความสามารถในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ประกอบกับเซลล์ของร่างกายมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลายเพิ่มขึ้นจากสิ่งแวดล้อมและสารเคมี (Helme & Gibson, 2001) อาการดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการทำกิจกรรมของผู้สูงอายุอย่างยิ่ง อีกทั้งอาการเวียนศีรษะในผู้สูงอายุ เป็นปัญหาทางสาธารณสุขอีกปัญหาหนึ่งที่สำคัญที่ควรได้รับการแก้ไขเพื่อลดอัตราการป่วย และเสียชีวิตในผู้สูงอายุ ซึ่งการมีอายุมากขึ้น ร่างกายก็จะมีความถดถอยลงทั้งในด้านความแข็งแรงและการใช้งาน อาการเวียนศีรษะก็เป็นอีกหนึ่งอาการที่เกิดกับผู้สูงอายุ มีงานวิจัยระบุว่าร้อยละ 24 ของผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 72 ปีขึ้นไปได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการเวียนศีรษะเรื้อรัง และยังมีแนวโน้มที่มีความชุกมากขึ้นตามอายุอีกด้วย
ปัจจุบันการรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อมีรูปแบบการรักษาที่นิยม คือ การรักษาทางศัลยกรรมด้วยการผ่าตัด และการใช้ยา เช่น ยาลดอาการอักเสบ และยาคลายกล้ามเนื้อ แต่การรักษาผู้ป่วยแบบนี้แบบนี้มีอาการข้างเคียง เช่น การใช้ยาต้านการอักเสบมีผลก่อให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการนำแนวคิดการแพทย์แบบผสมผสานเข้ามาดูแลผู้ป่วยเพื่อลดปัญหาอาการข้างเคียงจากการใช้ยาและเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ในการดูแลแบบองค์รวม (ลดาวัลย์ และคณะ, 2558) โดยมีรูปแบบการรักษามากมายหลายวิธี แต่วิธีการที่มีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การนวด และการประคบ (ชาคริต และคณะ, 2557) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรักษาโดยการนวดนั้นเป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น อันเนื่องมาจากการทำงานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี (เกศ, 2553) นอกจากนี้ยังมีการดูแลสุขภาพด้วยผลิตภัณฑ์ยาหม่องสมุนไพรและยาดมสมุนไพร โดยยาหม่องไพลมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ใช้ทาถู นวดบริเวณที่มีอาการ ซึ่งสารสำคัญของสมุนไพรจะซึมเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ ส่งเสริมให้การนวดมีผลสัมฤทธิ์มากยิ่งขึ้น และการดมยาสมุนไพร ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย สดชื่น บรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ หรือลดอาการหน้ามืด โดยยาดมสมุนไพรมีส่วนผสมของสมุนไพรที่มีสารสำคัญ และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งสามารถสร้างความสดชื่นให้เราได้ดียามเหนื่อยล้า และช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ
ดังนั้นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกลูบี จึงได้จัดทำโครงการส่งเสริมการทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ โดยเป็นการส่งเสริมการนำสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งจัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ยาหม่องไพล และยาดมสมุนไพร เพื่อให้ประชาชนในชุมชนสามารถนำมาใช้กับตนเอง ครอบครัว และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลผลิต เพื่อจำหน่ายเป็นรายได้ให้กับตนเอง ครอบครัว ได้อีกด้วย ตลอดจนเพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทยและภูมิปัญญาไทยคงไว้ อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษา และลดการพึ่งพาการใช้ยาแผนปัจจุบัน
4. วัตถุประสงค์และตัวชี้วัด
- บอกจุดมุ่งหมายในการดำเนินงานโครงการ และสิ่งที่ต้องการให้เกิดผลจากการดำเนินงานโครงการ วัตถุประสงค์นี้จะต้อง เฉพาะเจาะจง วัดได้จริง แสดงโอกาสที่จะเกิดผลสำเร็จ สอดคล้องกับหลักการและเหตุผล ในระยะเวลาที่กำหนด
- ตัวชี้วัด ให้ระบุความชัดเจนว่า เมื่อดำเนินการตามโครงการเสร็จแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือบรรลุผลสำเร็จอะไรบ้างและมากน้อยเพียงใด และควรแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมวัดผลได้ และระบุตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการทั้งในระดับผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
5. กลุ่มเป้าหมาย
6. ระยะเวลาดำเนินงาน
วันเริ่มต้น 16/05/2025
กำหนดเสร็จ 16/05/2025
7. วิธีการดำเนินงาน
- กิจกรรม แสดงขั้นตอนการทำกิจกรรมและกระบวนการดำเนินงาน เขียนให้ละเอียดว่าจะทำอะไร อย่างไร จึงจะสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่วางไว้ เขียนให้เห็นลำดับเป็นขั้นเป็นตอน
- งบประมาณ ในแต่ละกิจกรรม ขอให้จำแนกรายการค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยละเอียด
หมายเหตุ :
8. ผลการดำเนินงานที่คาดหวัง
ผลจากการดำเนินโครงการท่านคาดว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร?1. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถทำยาหม่องและยาดมสมุนไพรเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อยด้วยตนเองได้
2. ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำสมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้และทำเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร